- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 30 June 2014 23:13
- Hits: 2915
3 บอร์ดปตท.ป้ายแดงโต้เสียงยี้ ยันมีประสบการณ์ด้านพลังงาน
แนวหน้า ; นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง กรณีที่มีกลุ่มคนต่อต้านการได้รับเลือกเข้ามานั่งบอร์ด ปตท. โดยกล่าวหา เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนว่า เรื่องที่ตนถูกกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไม่จริงหรือพูดไม่หมด เพราะส่วนตัวยืนยันว่า ไม่เคยทำเพื่อผลประโยชน์นักการเมืองเลวๆ แต่ที่ผ่านมาทำเพื่อประเทศชาติมาตลอด ซึ่งการเข้ามาดำรงตำแหน่งครั้งนี้ จะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ โปร่งใส มีธรรมาภิบาลและเป็นธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง
โดยในส่วนของราคาพลังงาน ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะมีการผูกขาดหรือ แข่งขันน้อย แต่ต้องการให้ตลาดค้าน้ำมันมีการแข่งขันมากขึ้น ราคาพลังงาน สะท้อนความต้องการและกำลังการผลิตจริง ดังนั้นจะผลักดันให้มีการลดส่วน แบ่งตลาดค้าส่งด้วยการขายหุ้นของ ปตท.ที่ถืออยู่ในโรงกลั่นบางจาก และ โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือเอสพีอาร์ซี รวมทั้งจะเสนอให้ รัฐบาลแก้ไขพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้าสู่การ แข่งขันในระบบแท้จริง
"ผมจะเข้าไปดูในเรื่องของโครงสร้างราคาน้ำมันบางชนิดที่มีมีการคิดราคา ต้นทุนเทียม เช่น ราคาน้ำมันยูโร 4 ที่ราคาสูงกว่าราคาน้ำมันปกติ"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับ ประเด็นท่อก๊าซนั้น เห็นว่าปตท.ควรจัดตั้งบริษัทเพื่อแยกการบริหาร จัดการท่อก๊าซออกมาต่างหากจากปตท. และเปิดโอกาสให้บริษัทรายอื่นเข้า มาแข่งขันใช้บริการท่อร่วมกัน ส่งผลให้ราคาก๊าซมีการแข่งขันมากขึ้น
ขณะเดียวกันการผลักดันให้ปตท.มีธรรมาภิบาลปราศจากการแทรกแซงจาก การเมืองในกิจการที่รัฐถือหุ้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข ซึ่งขึ้นอยู่กับ กระบวนการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาโดยกระทรวงการคลังในฐานะผู้ ถือหุ้นจะมีบทบาทในการวางหลักเกณฑ์คัดเลือกคนที่โปร่งใสเข้ามาทำงาน ทำให้นักการเมืองไม่เข้ามาหาประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจได้
นายคุรุจิต นาครทรรพ กรรมการปตท. กล่าวว่า หลักการทำงานของตนคือ ความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานอย่างมืออาชีพ เพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง ดังนั้น การเป็นกรรมการปตท.จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ซึ่งล่าสุดเพื่อไม่เกิดข้อ ครหาผลประโยชน์ทับซ้อน ตนได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และบริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด มี ผลวันที่ 1กรกฎาคม 2557
สำหรับ ปตท.นั้นที่ผ่านมาเติบโตภายใต้ร่มเงาของรัฐ แต่ต่อไปนี้จะต้องเติบโต อย่างแข็งแกร่งเหมือนบริษัทน้ำมันแห่งชาติในสหภาพยุโรป โดยสัดส่วนถือ หุ้นถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะนอกจากกระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่ยังมี ประชาชนจำนวนมากหลักล้านคนถือหุ้นด้วย ผ่านกองทุนต่างๆ
นายพรชัย รุจิประภา กรรมการ ปตท. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานใน ช่วงชีวิตข้าราชการก่อนจะเกษียณอายุในปี 2555 ตนไม่เคยทำให้อาชีพข้า ราชการเสียหาย เพราะยึดแนวทางมาโดยตลอด ว่า หากถูกสั่งให้ทำในสิ่งที่ ไม่ถูกต้อง ตนจะไม่ทำ ส่วนการเข้ารับตำแหน่ง บอร์ดปตท.ครั้งนี้ เนื่องการ คสช.ได้เชิญมาให้ช่วยประชาชน ตนจึงตอบรับ โดยไม่มีการวิ่งเต้นแต่อย่าง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
สำหรับ นโยบายการทำงานขององค์กร จะแบ่งงานโดยแยกงานนโยบายออก มา ซึ่งจะเป็นไปตามการทำงานของภาครัฐ เพราะปตท.ไม่มีอำนาจในการ กำหนดราคา ที่ผ่านมากำไรปตท.มาจากธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่น้ำมัน อาทิ กาแฟอเมซอน ขณะที่ธุรกิจน้ำมันกำไรน้อยมาก สำหรับข้อกังวลเรื่องการถือหุ้น ใน โรงกลั่นนั้น เห็นด้วยที่ปตท.ควรขายหุ้นที่ถือในบจม.บางจาก เพราะที่มาที่ไป ของการเข้าไปถือหหุ้นของปตท.เนื่องจากในอดีตสถานะการเงินของบางจาก ค่อนข้างแย่ จึงขอให้ปตท.เข้าไปช่วยพยุงกิจการ แต่ปัจจุบันบางจากมีกำไร แล้ว ปตท.ก็ควรจะ ขายหุ้นดังกล่าวทิ้ง เช่นเดียวกับ กรณีของบริษัท SPRC ที่เชลล์ขายหุ้นให้ปตท.เพื่อพยุงกิจการเช่นกัน
“หลังเข้ารับตำแหน่งบอร์ดปตท. จะเสนอให้การประชุมบอร์ดปตท.ทุกครั้ง มี การแถลงข่าว เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ เนื่องจากเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่กลุ่มต่อต้านนำมาใช้เป็นข้ออ้างเรื่องการ ปกปิดข้อมูล"นายพรชัย กล่าว