WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL20ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังคาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงต่อ ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ร่วง

         + ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังนักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดย Genscape คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮม่า ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. จะลดลง 810,000 บาร์เรล ทางด้านนักวิเคราะห์จาก Reuters เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ว่าจะปรับลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนอีก 900,000 บาร์เรล

          + จำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ยังช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับเพิ่มขึ้น โดยมีรายงานจาก Goldman Sachs เปิดเผยว่า จำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงไป 250,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงไตรมาสที่ 2-4 ของปีนี้ 

          + ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินในตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ หลังมีข่าวเรื่องการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมัน Lima ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งมีกำลังการผลิต 155,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้เพลิงได้สงบแล้ว และไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ และโรงกลั่นได้ออกมาเปิดเผยว่าได้สามารถดำเนินการผลิตต่อได้เป็นที่เรียบร้อย

          + นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,510.19 จุด เพิ่มขึ้น 125.61 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้

          ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ดีในภูมิภาค โดยเฉพาะจากประเทศอินโดนีเซียที่มีความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินราว 8.5 ล้านบาร์เรลในเดือน ต.ค. ประกอบกับอุปทานที่ตึงตัวหลังโรงกลั่นน้ำมันทั้งในและนอกภูมิภาคหลายแห่งเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุง

          ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ  จากแรงหนุนของอุปทานที่ตึงตัวหลังโรงกลั่นน้ำมันทั้งในและนอกภูมิภาคหลายแห่งเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับอุปสงค์ที่ดีในเวียดนาม พม่าและแอฟริกาตะวันตก ส่งผลช่วยสนับสนุนราคา

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

          ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวที่กรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 46-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

          * ดัชนีภาคการผลิตจีน (Caixin PMI) เดือน ก.ย. ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะออกมาอยู่ในระดับหดตัวอาจส่งผลให้ภาพรวมจีดีพีของจีนปีนี้เติบโตน้อยกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ร้อยละ 7 ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีนให้ปรับลดลงด้วย ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนก็ยังคงผันผวนและเป็นที่น่ากังวลเช่นกัน แม้คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของจีนหรือ CSRC และรัฐบาลจีนจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อลดความผันผวนลงแล้วก็ตาม

          * การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตกลุ่มโอเปกที่ยังไม่มีท่าทีจะลดปริมาณยังคงส่งผลกดดันราคาน้ำมัน โดยโอเปกล่าสุดในเดือน ส.ค. ยังคงผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ระดับสูงราว 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปก ได้แก่ ซาอุฯ คูเวต อิหร่าน ยังคงปรับลดราคาขายน้ำมันดิบ (OSPs) ที่จะขายไปยังตลาดเอเชียในเดือน ต.ค. ลงเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นด้วย

          * การลงมติคัดค้านการยกเลิกคว่ำบาตรของ Republican ที่ไม่เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐฯ จะยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานในตลาดในตลาดเพิ่มมากขึ้นและกดดันราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม อิหร่านจะยังคงไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากหลายฝ่ายยังคงรอรายงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) วันที่ 15 ธ.ค. ก่อนเพื่อรอผลตรวจสอบว่าอิหร่านมีการปฎิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวจริง 

          * ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับสูงสุดในเดือน มิ.ย. 58 ที่ 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดย Baker Hughes ที่ตลาดคาดว่าจะปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน อาจส่งแรงหนุนให้ราคาปรับลดลงไม่มากนัก

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!