- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 19 September 2015 09:10
- Hits: 9795
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพิ่มศักยภาพของการผลิตไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงและลดการปล่อยก๊าซ ด้วยการอัพเกรดโรงไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีของจีอี
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการหลายโครงการเพื่อเสริมความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและปรับปรุงคุณภาพอากาศ
การสั่งซื้อรวมถึงการอัพเกรด Advanced Gas Path เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องกังหันผลิตไฟฟ้า
โซลูชั่นDLN2.6+ และ OpFlex* AutoTune ของจีอี ช่วยควบคุมระดับการปล่อยก๊าซและเพิ่มศักยภาพการผลิตไฟฟ้า รวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม
โครงการใช้ Advanced Gas Path เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องกังหันก๊าซรุ่น 9F ในครั้งนี้เป็นโครงการแรกในภูมิภาคเอเชีย
จีอี (NYSE:GE) ประกาศความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสาธารณูปโภคของรัฐและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในการอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซรุ่น 9F ของจีอีที่ติดตั้งอยู่ที่โรงไฟฟ้าสองแห่งของ กฟผ. การอัพเกรดครั้งนี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ช่วยให้โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งมีศักยภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายคุณภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซได้อย่างมีนัยสำคัญเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศของกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ
นายชรินทร์ กาญจนรัตน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "เราทำงานร่วมกับจีอี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินเครื่องและประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าของเราที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตอนใต้ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยสามารถใช้ก๊าซจากหลากหลายคุณภาพ (WOBBE INDEX) พร้อมกับการปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดการใช้เชื้อเพลิง" นายชรินทร์กล่าวเสริมว่า "ประสิทธิภาพด้านพลังงานและการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ ที่จะสนับสนุนนโยบายการเติบโตของประเทศไทย และเราได้นำมาตรการชี้วัดที่รัดกุมมาใช้ เพื่อลดและควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่มีผลให้เห็นแล้ว คือปัจจุบันโรงไฟฟ้าของเราปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx)ในระดับ 9ppm ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในประเทศเรา"
การอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซโดยการใช้อุปกรณ์การเผาไหม้แบบ Dry Low NOx 2.6+ (DLN 2.6+) และซอฟต์แวร์ OpFlex* AutoTune ของจีอีช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเครื่องกังหันก๊าซที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในปัจจุบันให้สามารถเดินเครื่องได้อย่างมั่นคง โดยสามารถใช้ก๊าซจากหลากหลายคุณภาพไม่ว่าจะเป็นก๊าซจากภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของประเทศไทย ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ช่วยให้โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งของ กฟผ. มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เพราะสามารถใช้ก๊าซจากแหล่งใดก็ได้ รวมถึงการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้ามา
สำหรับ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 ของ กฟผ. นั้น จะมีการติดตั้งใช้งาน Advanced Gas Path (AGP) ของจีอีในปี 2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงไฟฟ้า เทคโนโลยี AGP จะช่วยให้ กฟผ. เพิ่มกำลังการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการใช้เชื้อเพลิง เพิ่มศักยภาพการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าโดยมีการปรับปรุง turndown rate และเพิ่มความพร้อมใช้งานให้กับเครื่องกังหันผลิตไฟฟ้าให้มีระยะเวลาการเดินเครื่องยาวที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนี้ หากมองในภาพรวมมาตรการชี้วัดเหล่านี้ช่วยเพิ่มทั้งความมั่นคงในการจ่ายกระแสไฟฟ้าและช่วยลดค่าไฟฟ้าลงอีกด้วย
นายราเมช ซิงการาม ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก หน่วยธุรกิจการผลิตกระแสไฟฟ้า จีอี เพาเวอร์แอนด์วอเตอร์ กล่าวว่า"หลังจากที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ กฟผ. ในการเพิ่มความคุ้มค่าจากการลงทุน และการคัดเลือกวิธีการที่เหมาะสม จีอีมีความยินดีที่ได้อัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซของ กฟผ. ด้วยโซลูชั่นที่ใช้ทั้งปฏิมากรรมทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รวมถึงการใช้การประมวลข้อมูล ซึ่งทั้งสามเทคโนโลยีนี้จะมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของโรงไฟฟ้าของ กฟผ. มีมาตรฐานระดับโลกทั้งในเรื่องของศักยภาพการเดินเครื่องเพื่อความมั่นคง การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการเดินเครื่องที่คุ้มค่า"พร้อมกล่าวเสริมว่า "การทำงานที่ผสานรวมเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ โรงไฟฟ้าของ กฟผ. มีศักยภาพมากขึ้นและเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์การจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ยังคงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้กับคนไทยได้อย่างต่อเนื่อง โครงการนี้ย้ำให้เห็นถึงประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วโลกก็จำเป็นต้องปฏิรูปเครื่องผลิตไฟฟ้าของตนเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับโรงไฟฟ้า และเพื่อผลตอบแทนทางธุรกิจ"
การติดตั้งและอัพเกรดโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาที่จะใช้งานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การอัพเกรดในครั้งนี้ส่งผลให้ กฟผ. สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศของกรุงเทพฯ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ลงจากระดับ 35ppm เป็น 9ppm
ระบบการเผาไหม้แบบ AGP, DLN 2.6+ และโซลูชั่น AutoTune อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Power FlexEfficiency* ของจีอี ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์และโซลูชั่นที่ผสานรวมซอฟต์แวร์เพื่อให้ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ติดตั้งเครื่องกังหันก๊าซรุ่น F-class ของจีอีให้สามารถใช้เครื่องกังหันก๊าซเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและประโยชน์ในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย รวมถึงระบบเผาไหม้แบบ DLN2.6+ ของจีอีช่วยลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ให้อยู่ในระดับที่ดีกว่าที่ได้รับอนุญาตและตอบสนองต่อการกำกับดูแลและกฎระเบียบทางสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด
ชุดโซลูชั่นซอฟต์แวร์ OpFlex* AutoTune เป็นโซลูชั่นในกลุ่ม Industrial Internet ของจีอี มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มอายุการใช้งานให้กับเครื่องกังหันก๊าซที่ติดตั้งใช้งานอยู่แล้วและโรงไฟฟ้าโดยไม่ต้องหยุดการซ่อมบำรุงบ่อยๆ ช่วยให้ผู้ผลิตไฟฟ้าลดค่าใช้จ่ายและคงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบต่างๆ.
ปลัดพลังงาน ยันไม่มีนโยบายสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ทับสะแกตามที่มีกระแสข่าว
นายคุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรณีมีกระแสข่าวในโซเซียล ระบุว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะนำพื้นที่ในอ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น ขอยืนยันว่าที่ผ่านมากฟผ.เตรียมพื้นที่ดังกล่าว สำหรับลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม) ขนาด 5 เมกะวัตต์ และยังไม่เคยได้ยินว่านายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการกฟผ.เสนอให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ดังกล่าว และในระดับนโยบายก็ยังไม่มีแผนดังกล่าวด้วยเช่นกัน
อนึ่ง สำหรับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของกฟผ.ในปัจจุบันมีอยู่ 2 พื้นที่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จ ธ.ค. 2562 และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จำนวน 2 โรง กำลังผลิตรวม 2,000 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 และ 2567
อินโฟเควสท์