- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 11 August 2015 21:42
- Hits: 4595
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ตามราคาเบนซินสหรัฐฯ หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉิน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง
+ ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลสหรัฐฯ เนื่องจากโรงกลั่นบีพี ในรัฐอินเดียน่า ของสหรัฐฯ ที่มีกำลังการผลิตขนาด 413,500 บาร์เรลต่อวัน ต้องปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินหน่วยกลั่นน้ำมันดิบขนาด 240,000 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากการขัดข้องของเตาเผาและหน่วยแลกเปลี่ยนความร้อน โดยราคาน้ำมันเบนซินล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4
+ ราคาน้ำมันดิบยังปรับเพิ่มขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินของ 6 สกุลเงินหลัก อันได้แก่ เงินยูโร เยน แคนาดา ปอนด์ สวีเดน และ ฟรังก์สวิส โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.4 มาปิดที่ 97.186จุด ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ นอกจากนี้ ตลาดคาดว่าจีนจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบสองปี และยอดการส่งออกเดือนก.ค. หดตัวร้อยละ 8.3
+ นักลงทุนต่างมองว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันที่แตกต่างจากช่วง 7 สัปดาห์ก่อนหน้า โดยนักลงทุนเริ่มซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไร โดยจำนวนสัญญาซื้อสุทธิของน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ทั้งแบบฟิวเจอร์สและออปชั่น ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4ส.ค. 58 ปรับเพิ่มขึ้น 15,897สัญญา มาที่ 121,091สัญญา
- อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงอ่อนแอ หลังในตลาดยังมีอุปทานส่วนเกิน และมีความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะลดลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ประกอบกับอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้น หลังรายงานจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น และปริมาณการผลิตจากกลุ่มโอเปกที่อยู่ในระดับสูง ตามนโยบายการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
ราคาน้ำมันเบนซินและราคาน้ำมันดีเซล ตลาดสิงคโปร์ปิดเนื่องในวันหยุดวันชาติสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 7 -10 ส.ค. 58
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ42-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
* ความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ โดยกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตระดับสูง โดยปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอิรักและซาอุดิอาระเบียที่ยังคงผลิตในระดับสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและตอบสนองต่อความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โดยรวมแล้วปัจจุบันตลาดมีอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินทั้งสิ้นประมาณ 1.77ล้านบาร์เรลต่อวัน
* ราคาน้ำมันระดับต่ำแม้จะไม่จูงใจให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังผลิตขึ้นมากนัก แต่บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ บางรายยังคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง และล่าสุดผู้ผลิต Shale รายหนึ่ง คาดว่าจะยังคงมีการเพิ่มการขุดเจาะประมาณ 2แท่นต่อเดือนในครึ่งปีหลัง และประมาณ 8แท่นในครึ่งปีหน้า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงก็ตาม
* จับตาทิศทางเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง ที่แม้ในภาคบริการจะยังคงมีการขยายตัวอยู่บ้าง แต่ภาคการผลิตมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก หลังล่าสุดดัชนีภาคการผลิต (Caixin PMI) เดือน ก.ค. ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2ปี นอกจากนี้ ติดตามตลาดหุ้นจีนว่าจะมีความผันผวนและส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างไร
* ติดตามสถานการณ์หนี้กรีซ หลังล่าสุดนายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า ใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้แล้ว เหลือเพียงประเด็นที่ยังคงเห็นต่างกันคือการตั้งกองทุนใหม่สำหรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และแผนการเพิ่มทุนของภาคธนาคาร โดยกรีซคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลให้กรีซไม่ต้องผิดชำระหนี้ในวันที่ 20 ส.ค.มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านยูโร