- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 10 August 2015 23:24
- Hits: 4576
น้ำมันดิบลงต่อตามราคาเบนซินสหรัฐฯ ที่ร่วงหนักเมื่อวันศุกร์ หลังตลาดคาดความต้องการใช้น้ำมันเบนซินสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลงต่อเนื่อง หลังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง โดยตลาดมองว่าปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลให้เกิดอุปทานส่วนเกินในตลาด หลังฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าร้อนของสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฤดูกาล โดยปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวลดลงตามไปด้วย
- จำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด Bager Hughes รายงานหลุมขุดเจาะเพิ่มขึ้นอีก 6 หลุมในแหล่ง Permian, Bakken และ Eagle Ford โดยขณะที่มีหลุมที่ดำเนินการอยู่ทั้งสิ้นราว 670 หลุม อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังเชื่อว่าจำนวนหลุมที่เพิ่มขึ้นนี้ได้มีการตัดสินใจตั้งแต่ช่วงที่ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญฯ เมื่อเดือน พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งมองว่าราคาน้ำมันที่ระดับปัจจุบันอาจไม่สูงพอที่จะจูงใจให้ผู้ผลิตตัดสินใจกลับมาผลิตเพิ่มเติมมากนัก
- รอยเตอร์ล่าสุดยังคงปรับเพิ่มคาดการผลิตน้ำมันดิบแถบทะเลเหนือเดือน ก.ย. ขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดในปีนี้ที่ระดับ 1.99 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 5.6% จากเดือนนี้ ส่งผลต่อความกังวลของภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดมากขึ้น ทั้งส่งผลกดดันราคาน้ำมัน Dated Brent เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลมากขึ้นเพราะกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ตรงกับช่วงที่โรงกลั่นหลายแห่งในยุโรปเตรียมเข้าสู่ฤดูการปิดซ่อมบำรุง
- ธนาคารฝรั่งเศสรายใหญ่ Societe Generale ออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์และเวสต์เท็กซัสลงหลังอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มล้นตลาดต่อเนื่อง โดยมองว่าราคาน้ำมัน Brent และ WTI จะเฉลี่ยที่ระดับ 57.3 และ 51.7 เหรียญฯ ในปีนี้ และระดับ 60 และ 55 เหรียญฯ ในปีหน้า นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันเบรนท์ในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้จะลดลงมาเฉลี่ยที่ระดับ 53.1 และ 57.5 เหรียญฯ ตามลำดับด้วย
- อัตราการว่างงานสหรัฐฯ เดือน ก.ค. ยังคงยืนอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ที่ 5.3% ทั้งนี้สืบเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ที่รายงานไปก่อนหน้าแม้จะเพิ่มขึ้นน้อยแต่ก็ยังถือว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง สวนทางกับภาคเหมืองแร่ที่การจ้างงานลดลง ซึ่งตลาดแรงงานที่ยังอยู่ในระดับที่ดีนี้อาจเป็นแรงจูงใจให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซินและราคาน้ำมันดีเซล ตลาดสิงคโปร์ปิดเนื่องในวันหยุดวันชาติสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 7 - 10 ส.ค. 58
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 42-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ โดยกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตระดับสูง โดยปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอิรักและซาอุดิอาระเบียที่ยังคงผลิตในระดับสูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและตอบสนองต่อความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โดยรวมแล้วปัจจุบันตลาดมีอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินทั้งสิ้นประมาณ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันระดับต่ำแม้จะไม่จูงใจให้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังผลิตขึ้นมากนัก แต่บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ บางรายยังคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง และล่าสุดผู้ผลิต Shale รายหนึ่ง คาดว่าจะยังคงมีการเพิ่มการขุดเจาะประมาณ 2 แท่นต่อเดือนในครึ่งปีหลัง และประมาณ 8 แท่นในครึ่งปีหน้า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงก็ตาม
จับตาทิศทางเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง ที่แม้ในภาคบริการจะยังคงมีการขยายตัวอยู่บ้าง แต่ภาคการผลิตมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก หลังล่าสุดดัชนีภาคการผลิต (Caixin PMI) เดือน ก.ค. ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ ติดตามตลาดหุ้นจีนว่าจะมีความผันผวนและส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างไร
ติดตามสถานการณ์หนี้กรีซ หลังล่าสุดนายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า ใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้แล้ว เหลือเพียงประเด็นที่ยังคงเห็นต่างกันคือการตั้งกองทุนใหม่สำหรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และแผนการเพิ่มทุนของภาคธนาคาร โดยกรีซคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลให้กรีซไม่ต้องผิดชำระหนี้ในวันที่ 20 ส.ค.มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านยูโร