WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL22ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44 - 49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 48 – 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

        

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (10 – 14 ส.ค. 58)  

  ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินประมาณ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตในระดับสูง เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ขณะที่ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกก็ยังคงปริมาณการผลิตอยู่ในระดับสูงเช่นกัน  ประกอบกับตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า FED อาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาน้ำมันดิบ

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  ความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ โดยผลสำรวจของสำนักข่าว Reuters ล่าสุดพบว่า ในเดือน ก.ค. กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบรวมทั้งสิ้นประมาณ 32.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอิรักที่เพิ่มปริมาณการผลิตสูงมากขึ้น และซาอุดิอาระเบียที่ยังคงปริมาณการผลิตในระดับที่สูงกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและตอบสนองต่อความต้องการในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน  ส่งผลให้โดยรวมแล้วปัจจุบันตลาดมีอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินทั้งสิ้นประมาณ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน

  บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันในอเมริกามีแนวโน้มที่จะคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง โดยเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้ผลิตมีการเพิ่มการขุดเจาะทั้งสิ้น 33 แท่น หลังจากที่ได้มีการปรับลดแท่นขุดเจาะลงมาอย่างต่อเนื่องถึงระดับสูงสุดที่ 1609 แท่น โดยล่าสุดจากการเปิดเผยแผนของผู้ผลิต Shale oil รายหนึ่ง กล่าวว่าจะยังคงเพิ่มการขุดเจาะประมาณ 2 แท่นต่อเดือนในครึ่งปีหลัง และประมาณ 8 แท่น  ในครึ่งปีหน้าแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงก็ตาม

  จับตาทิศทางเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง หลังการรายงานดัชนีภาคการผลิต (Caixin PMI) ในเดือน ก.ค. ที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก โดยมาอยู่ที่ระดับ 47.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยมีสาเหตุมาจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มส่งออกปรับลดลง อย่างไรก็ดี ในภาคบริการยังคงมีการขยายตัวสวนทางกับภาคอุตสาหกรรม โดยดัชนีภาคบริการในเดือน ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 53.8 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 57 นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามตลาดหุ้นจีนว่าจะมีแนวโน้มผันผวนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่ โดยจีนออกมาตรการในการรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้น อาทิ ห้ามนักลงทุนยืมและส่งมอบหุ้นคืนภายในวันเดียวกัน เพื่อเป็นการจำกัดนักลงทุนกลุ่มที่แสวงหากำไรจากความผันผวนระยะสั้น การปราบปรามการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติ โดยจีนได้สั่งระงับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา

  ติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังการประชุมของ FED ในรอบที่ผ่านมา ซึ่งส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและตลาดแรงงานมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากการจ้างงานที่ปรับตัวสูงขึ้นและอัตราการว่างงานที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ FED มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นภายในปีนี้ โดยผลการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์พบว่ามีบางส่วนเท่านั้นที่เห็นว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ โดยส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะเป็นเดือน ธ.ค. การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบ

  ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและสหรัฐฯ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต และจีดีพี Q2/15 ของกลุ่มยูโรโซน

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 – 7 ส.ค. 58)

  ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 43.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 3.60 เหรียญสหรัฐฯ ปิดที่ 48.61 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 49 เหรียญสหรัฐฯ โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่ออุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก ที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะชะลอกำลังการผลิตลง ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในภาวะตกต่ำก็ตาม ประกอบกับปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนบางส่วนจากน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!