- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 01 August 2015 14:49
- Hits: 2153
กรมธุรกิจพลังงาน เพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลเป็น 6.5% จาก 6% แก้ราคาปาล์มตก พร้อมคาดราคาน้ำมันดิบดูไบครึ่งปีหลังอยู่ที่ 55-61 เหรียญ
กรมธุรกิจพลังงาน ปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลเป็น 6.5% จาก 6% มีผล 3 ส.ค.นี้ ช่วยแก้ราคาปาล์มน้ำมันตก หลังผลผลิตล้นตลาด ลดอัตราสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเหลือ 1% - ลดจำนวนวันเหลือ 25 วัน หวังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสำรองน้ำมัน เผย 6 เดือนแรกการใช้ LPG ลดลง 8.74% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สวนทางเบนซินที่เพิ่มขึ้น 14.04% ส่วน มูลค่านำเข้าน้ำมันดิบลดลง 39.74% หลังราคาตลาดโลกทรุดต่อเนื่อง พร้อม คาดราคาน้ำมันดิบดูไบครึ่งปีหลังอยู่ที่ 55-61 เหรียญฯต่อบาเรล สูงกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศปรับเพิ่มสัดส่วนผสมของไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็น 6.5% จากเดิมอยู่ที่ 6% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.58 ซึ่งจะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 8 พันตัน จากเดิมที่ใช้อยู่ประมาณเดือนละ 7.6 หมื่นตัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและบรรเทาปัญหาภาวะปาล์มน้ำมันล้นตลาดทำให้ราคาปรับตัวลดลง ซึ่งการปรับเพิ่มสัดส่วนผสมดังกล่าวจะช่วยพยุงราคาปาล์มไม่ให้ต่ำจนเกินไปและอาจจะทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ ซึ่งจะช่วยส่งผลประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ
ขณะเดียวกันมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบให้ลดอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามกฎหมายเหลือ 1% จากเดิม 6% และลดจำนวนวันสำรองเหลือ 25 วัน จากเดิม 43 วัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชน เนื่องจากจะช่วยให้ต้นทุนในการสำรองน้ำมันของผู้ประกอบการลดลง และจะสะท้อนกับการขายราคาน้ำมันสำเร็จรูป โดยการปรับลดดังกล่าวจะเป็นลักษณะลดลงแบบขั้นบันได เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค.58 จนถึง 1 พ.ย.58 ทั้งนี้การลดปริมาณสำรองจะไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานอย่างแน่นอน เพราะเป็นการปรับตามสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกที่มีอุปทานล้นตลาดและราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำเมื่อมีการปรับลดอัตราสำรองน้ำมันสำเร็จรูปจะทำให้ผู้ค้าน้ำมันซึ่งมีหน้าที่ต้องสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลดีต่อราคาสำหรับผู้บริโภคในระยะยาว
ด้านสถานการณ์การใช้พลังานในประเทศช่วงครึ่งปีแรก 2558 พบว่า การใช้ LPG ลดลง 8.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น 14.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามการปรับราคาก๊าซ LPG ให้มีราคาเท่ากันทุกภาคการใช้งาน ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินมีการปรับตัวลดลงอย่างแน่นอนตามราคาน้ำมันในตลาดโลก จึงทำให้ประชาชนหันไปใช้กลุ่มน้ำมันเบนซินมากยิ่งขึ้นเพราะมีประสิทธิภาพสูงกว่า ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วง 6 เดือนแรก มีมูลค่าลดลง 39.74% หรือ 5.26 หมื่นล้านบาท แม้ปริมาณจะเพิ่มขึ้น 10.90% อยู่ที่ 8.91 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็นไปตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ส่วนคาดการณ์ปริมาณการใช้พลังงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าโดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกเล็กน้อยที่อยู่ระดับ 25.77 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการบริโภคพลังงาน ขณะที่ราคาน้ำมันจะยังทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบันหรือปรับลดลงเล็กน้อยตามราคาน้ำมันในตลาดโลก นอกจากนี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ประมาณ 55-61 เหรียญ/บาร์เรล มากกว่าครึ่งปีแรกเพราะจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการใช้พลังงาน รวมถึงการที่ประเทศอิหร่านถูกคว่ำบาตรทำให้ปริมาณการผลิตจะยังไม่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาน้ำมัน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
