- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 28 July 2015 08:31
- Hits: 2831
น้ำมันดิบร่วงต่อเนื่องหลังหลุมขุดเจาะสหรัฐฯ เด้ง ขณะที่ความต้องการใช้จากจีนส่อแววอ่อนตัว
- ราคาน้ำมันดิบทั้งเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังตัวเลขขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ ที่รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 659 หลุม หรือเพิ่มขึ้น 21 หลุม ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดนับแต่เดือน มี.ค. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนภาพของราคาน้ำมันที่กลับมาอยู่ในระดับสูงเมื่อเดือน มิ.ย. และมองว่าเป็นผลของการกลับมาผลิตในช่วงก่อนที่ราคาจะร่วงลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 เหรียญฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนนำโดยตัวเลขภาคโรงงานเดือน ก.ค. ที่หดตัวลงมากที่สุดในรอบ 15 เดือน ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะฉุดให้ความต้องการใช้น้ำมันของผู้บริโภคหลักเป็นอันดับ 2 ของโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวลงตามไปด้วย โดยตัวเลขการผลิตจีน (Flash PMI) เดือน ก.ค. ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.2 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 49.7 จาก 49.2 ในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้หลายฝ่ายมองว่าภาพของตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงกว่า 30% ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่แล้วส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง
- ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรปที่ประกาศในวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ออกมาไม่ดีนัก โดยดัชนีชี้วัดภาคบริการของยูโรโซนปรับตัวลดลงจาก 54.4 เมื่อเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 53.8 ในเดือน ก.ค. ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ 54.2 ขณะที่ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตของยูโรโซนเดือน ก.ค. ก็ปรับลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ 52.2 จาก 52.5 ในเดือน มิ.ย.
-/+ รอยเตอร์คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทน้ำมันหลักหลายราย ได้แก่ Exxon Mobil, Chevron, Shell, BP, Total ที่เตรียมจะประกาศในสัปดาห์นี้จะปรับลดลงราว 40% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอาจนำไปสู่แผนการปรับลดการลงทุนหรือลด CAPEX ของปีหน้าได้ หลังจากที่มีการปรับลด CAPEX รวมถึงปรับลดค่าใช้จ่าย และลดจำนวนพนักงานลงแล้วในปีนี้ อย่างไรก็ดี บริษัท Shell คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ โดยมองว่าราคาน่าจะเฉลี่ยราว 67 เหรียญฯ ในปี 2559
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ทั้งนี้ราคาได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นสะท้อนความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ขณะที่ความต้องการใช้ในจีนเองก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการนำเข้าของอินโดนีเซียเริ่มมีแนวโน้มลดลงหลังสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดในปีนี้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงล้นตลาด ขณะที่จีนเองยังคงส่งออกน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่องหลังความต้องการใช้ในประเทศลดลง ประกอบกับอุปทานจากตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลกดดันราคาดีเซล อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาดีเซลในภูมิภาคที่ลดลงส่งผลให้โรงกลั่นบางแห่งในเกาหลีใต้เริ่มวางแผนลดกำลังการกลั่นลงราว 5-10% ในเดือน ส.ค. นี้
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 28 – 29 ก.ค. ว่าจะมีมุมมองอย่างไรต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงอยู่ในระดับต่ำใกล้ศูนย์มาตั้งแต่ปี 2551 โดยจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์โดยส่วนใหญ่พบว่า FED มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือน ก.ย. โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสที่ปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ส่งผลให้บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันมีแนวโน้มจะชะลอการขุดเจาะอีกครั้ง แม้ในช่วงที่ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับ 55 – 60 เหรียญสหรัฐฯ ที่ผ่านมา จะทำให้ผู้ผลิตมีการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น แต่คาดการณ์ของ Baker Hughes มองว่าในครึ่งปีหลังนี้แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงโดยเฉพาะแหล่งบนบกและแหล่งในน้ำตื้น
ความคืบหน้าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หลังสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้การรับรองข้อตกลงดังกล่าว แต่ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ขณะที่สหภาพยุโรปแม้จะมีมติเห็นชอบข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน แต่จะยังคงไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจนกว่าจะเห็นความคืบหน้าจากรายงานของ IAEA ในวันที่ 15 ธ.ค. ก่อน ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ที่มีกรอบระยะเวลา 60 วันในการพิจารณา อย่างไรก็ดี ในระยะ1-2 เดือนนี้ อิหร่านอาจจะยังคงไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้เพิ่มมากขึ้นมากนัก
การเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศยูโรโซนมูลค่า 8.6 หมื่นล้านยูโร ยังคงดำเนินต่อไป แม้รัฐสภากรีซได้มีมติอนุมัติร่างกฎหมายปฎิรูปเศรษฐกิจฉบับที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่กรีซยังจำเป็นต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพิ่มเติมให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 22 ส.ค. 58 ซึ่งถืเป็นกำหนดชำระหนี้อีกมูลค่าราว 3.2 พันล้านยูโร