- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 05 June 2015 22:40
- Hits: 1876
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดจับตาท่าทีการคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก และIMF ปรับลดจีดีพีสหรัฐฯลง
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังตลาดยังคงเฝ้าจับตาเกี่ยวกับมติการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะจัดขึ้นในวันนี้ (5 มิ.ย.) ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะคงกำลังการผลิตที่ระดับ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบยังคงล้นตลาด
- ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ในกลุ่มโอเปก ปรับเพิ่มราคาขายน้ำมันดิบกลุ่ม Arab Light (OSP) ที่มีการส่งออกมาทางเอเชียโดยปรับเพิ่มราคาในเดือน ก.ค. 0.6 เหรียญฯต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. เพื่อเป็นการปรับราคาขายให้สะท้อนสภาวะตลาดที่มีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงฤดูร้อน
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เปิดเผยรายงานประจำปี โดยประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ ในปีนี้ สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือน เม.ย. ที่ระดับ 3.1% พร้อมกับเสนอให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
- ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชาระหนี้เงินกู้ 300 ล้านยูโร ให้แก่ IMF ได้ทันกำหนดในวันนี้ (5 มิ.ย.) ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระหนี้คืนในเดือน มิ.ย. หลังจากมีรายงานว่าแกนนำหลายคนของพรรครัฐบาลของกรีซ ไม่ยอมรับข้อเสนอที่ประเทศเจ้าหนี้ยื่นให้กับนายกรัฐมนตรีกรีซ ทั้งนี้การประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในบางประเด็น
+ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ค. ปรับลดลง 8,000 ราย อยู่ที่ระดับ 276,000 ราย ซึ่งตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานนี้ยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัญญาณที่ดีว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังตลาดมีแรงซื้อก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลอด นอกจากนี้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศญี่ปุ่นหยุดดำเนินการผลิตกะทันหันหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ส่งผลให้มีความต้องการน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคยังคงล้นตลาด ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันดีเซลของอินเดีย อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทางภูมิภาคตะวันออกกลางยังช่วยหนุนตลาดได้บ้าง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 57-63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
• ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐเริ่มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 29 พ.ค. ปรับตัวลดลงราว 1.9 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับ 477.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ก็ปรับลดลงเช่นกันราว 1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 59.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งการลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูการขับขี่ของสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อน (มิ.ย. – ส.ค.) ของปี
•ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเหนือระดับ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ อาจเพิ่มความจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบหลายแห่งได้ชะลอการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบลงจากราคาน้ามันดิบตกต่ำ โดยล่าสุด Baker Hughes เปิดเผยข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ามันดิบในสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ค. ปรับลดลง 13 แท่น สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ที่ 646 แท่น ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงด้วยอัตราที่ชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
• ติดตามทิศทางของเศรษฐกิจของยูโรโซนและทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขภาวะเศรษฐกิจซบเซาและเงินฝืด โดยล่าสุดคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ร้อยละ 0.05 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ECB ระบุว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร จนเสร็จสิ้นโครงการในเดือนก.ย. 59 ตามมติที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ในการประชุมประจำเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ECB มีเป้าหมายที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอัตราว่างงานในยูโรโซนที่อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 11 และทาให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับร้อยละ 2