- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 03 June 2015 22:21
- Hits: 3248
ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นจากค่าเงินสหรัฐฯอ่อนตัวและตลาดคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันสหรัฐฯจะปรับลดลง
+ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวสูงขึ้น หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทียบยูโรอ่อนตัวลงจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นเนื่องจากความคาดหวังว่าการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้รายใหญ่ 3 องค์กรได้แก่ IMF, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และคณะกรรมาธิการยุโรปจะประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้รับการสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในสหรัฐฯ น่าจะมีการการปรับลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
+/- นอกจากนี้นาย Ali al-Naimi รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า อุปสงค์น้ำมันน่าปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี รวมไปถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากทางฝั่งสหรัฐฯก็เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้ปริมาณน้ำมันที่ค่อนข้างมากในขณะนี้ไม่น่ากังวลนัก อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์น้ำมันคาดว่า ในการประชุมกลุ่มโอเปกในวันศุกร์นี้จะไม่มีการปรับลดโควตาการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้ตลาดน่าจะยังถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
- ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซียก็ยังคงรักษาปริมาณการส่งออกน้ำมันอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะลดกำลังการผลิตลงไป โดยนาย Alexander Novak รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียไม่มีแผนที่จะร่วมมือกับทางโอเปกในการลดกำลังการผลิต ซึ่งในขณะนี้ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตอยู่ในระดับสูงที่ 10.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+/- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ (สิ้นสุด ณ วันที่ 29 พ.ค.) เพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 480 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ น้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาการประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ โดยสานักงานพลังงานสากล (EIA) ในคืนนี้ว่าจะมีทิศทางเดียวกันหรือไม่
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น เพื่อนำไปใช้ในช่วงฤดูกาลถือศีลอดประกอบกับโรงกลั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังคงมีการปิดซ่อมบำรุงอยู่
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์จากภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความต้องการน้ำมันดีเซลเพื่อนำไปผลิตพลังงานในช่วงฤดูร้อน และเก็บสำรองน้ำมันก่อนเขาฤดูถือศีลอดซึ่งจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนนี้
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 57-63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประชุมโอเปกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย. ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกจะมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงจากโควตาการผลิตของกลุ่มที่ระดับ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปก มีมติให้คงกำลังการผลิตไว้เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 57 ในขณะที่ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ
ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเหนือระดับ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ อาจเพิ่มความจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบหลายแห่งได้ชะลอการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบลงจากภาวะราคาน้ำมันดิบตกต่ำ โดยล่าสุด Baker Huges เปิดเผยข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 22 พ.ค. ปรับลดลงเพียง 1 แท่น ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
การเจรจาแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้กรีซว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะส่งผลต่อ โดยล่าสุดกรีซนัดชำระหนี้กับ IMF งวดถัดไปกว่า 1.5 พันล้านยูโร ภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โดยหนึ่งในจำนวนนี้ กรีซต้องชำระหนี้กว่า 300 ล้านยูโรภายในวันที่ 5 มิ.ย. อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังคงกังวลว่ากรีซมีแนวโน้มที่จะขาดสภาพคล่องและไม่สามารถชำระหนี้ IMF ทันกำหนด หลังจากกรีซยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทางกลุ่มเจ้าหนี้ได้ และอาจเป็นเหตุให้กรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่จากยูโรโซนมูลค่าราว 7 พันล้านยูโร ภายในวันที่ 3 มิ.ย.นี้
ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อ ที่ยังสร้างความกังวลต่อตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกลุ่มรัฐอิสสาม (IS) ได้เข้ายึดเมือง Ramadi ในจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิรัก ทำให้รัฐบาลอิรักเรียงร้องขออาสาสมัครจากกองกำลังกลุ่มนิกายชีอะห์เพื่อเข้าร่วมการยึดเมือง Ramadi กลับคืนมา ในขณะเดียวกันด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินในอิรัก เพื่อทำสงครามต่อต้านกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย