- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 24 May 2015 16:55
- Hits: 1697
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวและความกังวลต่อสถานการณ์ในอิรัก
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ มาอยู่ที่ระดับ 1.1112 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ยูโร ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าบริโภครวมถึงราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนสนใจที่จะลงทุนในส่วนของสินค้าบริโภคมากกว่าการลงทุนในการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
+ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับตัวลดลงถึง 740,000 บาร์เรล โดยนับตั้งแต่วันศุกร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงวันอังคาร ประกอบกับรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ว่ามีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบที่ล้นตลาดในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นได้บรรเทาลงไปมากแล้ว จึงสนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น
+ ความกังวลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของตะวันออกกลางที่มากขึ้นจากเหตุการณ์สู้รบในอิรักเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากขบวนการรัฐอิลสาม (ISIS) ได้เข้ายึดเมือง Ramadi ในจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิรัก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงทำให้รัฐบาลอิรักเรียงร้องขออาสาสมัครจากกองกำลังกลุ่มนิกายชีอะห์เพื่อเข้าร่วมการยึดเมือง Ramadi กลับคืนมา ขณะเดียวกันด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินในอิรัก เพื่อทำสงครามต่อต้านกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย
+ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% โดยการปรับเพิ่มของดัชนี้ชี้นำนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั้นยังคงขยายตัวอยู่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาในช่วง
ไตรมาสแรกที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ แต่อย่างไรก็ตามอุปสงค์ในภูมิภาคขณะนี้ยังคงสนับสนุนราคาน้ำมันเบนซิน ประกอบกับอุปทานจากทางโรงกลั่นด้านเอเซียเหนือที่ยังไม่กลับเข้ามาเนื่องจากอยู่ในระหว่างการปิดซ่อมบำรุง
??ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณอุปทานในภูมิภาคที่ล้นตลาดจากการที่โรงกลั่นต่างๆ กลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังจากการปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลที่ผ่านมา และประเทศจีนส่งออกน้ำมันดีเซลมากขึ้น ประกอบกับอุปสงค์ที่ยังคงตัวอยู่
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดมองว่าอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน โดยปรับลดลงสู่ระดับ 482.2 ล้านบาร์เรล หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุง และส่งสัญญาณถึงอุปสงค์ที่ปรับเพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่ฤดูการขับขี่ฤดูร้อนของสหรัฐฯ (มิ.ย. – ส.ค.) อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่ระดับปัจจุบัน ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยของปีก่อนหน้า
จับตาซาอุดิอาระเบียว่าจะยังคงเดินหน้าผลิตและส่งออกน้ำมันดิบน้ำมันดิบในระดับสูงต่อไปหรือไม่ เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ โดยในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาซาอุฯ ผลิตน้ำมันดิบแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 10.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การส่งออกก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ที่ระดับ 7.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การเจรจาแก้ไขปัญหาวิกฤติหนี้กรีซว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งจะส่งผลต่อ โดยล่าสุดกรีซได้มีการชำระหนี้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ไปแล้วส่วนหนึ่งจำนวน 750 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี กรีซมีนัดชำระหนี้กับ IMF งวดถัดไป จำนวน 1.5 พันล้านยูโร ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายยังคงกังวลว่ากรีซมีแนวโน้มที่จะขาดสภาพคล่องและไม่สามารถชำระหนี้ IMF ทันกำหนด เนื่องจากในตอนนี้กรีซยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทางกลุ่มเจ้าหนี้ได้ และอาจเป็นเหตุให้กรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่จากยูโรโซนมูลค่าราว 7 พันล้านยูโร ในวันที่ 3 มิ.ย.
ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อทั้งใน เยเมน อิรัก และลิเบีย เป็นต้น ยังคงสร้างความกังวลว่าจะกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบของภูมิภาคและยังคงส่งแรงหนุนต่อราคาน้ำมันดิบโลกในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี ตลาดยังเฝ้าจับตากระแสตอบรับก่อนการประชุมโอเปกที่จะจัดขึ้น ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 5 มิ.ย. นี้ ว่าจะมีการตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมันดิบหรือไม่ หลังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าโอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิตลง และจะยังคงโควต้าการปลิตของกลุ่มที่ระดับ 30 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไป