- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 17 May 2015 12:37
- Hits: 2122
กพช.เห็นชอบแผนผลิตไฟฟ้าปี 2558-79 ลดปริมาณสำรองน้ำมันกดราคาลง 9 สต./ลิตร
แนวหน้า : กพช.เห็นชอบแผนผลิตไฟฟ้าปี 2558-79 ลดปริมาณสำรองน้ำมันกดราคาลง9สต./ลิตร สัมปทานบ่อก๊าซ-ปิโตรรอบ 21 ยังไม่มีข้อสรุป
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 หรือแผน PDP 2015 ซึ่งเป็นแผนจัดหาไฟฟ้าในระยะยาว โดยปรับลดค่าพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก
สำหรับ การจัดทำแผน PDP 2015 นี้ ได้พิจารณาจากด้านความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ (Security) โดยคำนึงถึงการกระจายแหล่งและชนิดเชื้อเพลิง เพื่อลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่ปัจจุบันสูงถึง 65% โดยตั้งเป้าว่าต้องเหลือไม่เกิน 40% ในปี 2579 โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียน ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน ในขณะที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 15% ของปริมาณความต้องการไฟฟ้าสูงสุด
นอกจากนี้ ให้ความสำคัญในประเด็นด้านเศรษฐกิจ (Economy) โดยกำหนดให้ราคาค่าไฟฟ้ามีความเหมาะสม โดยให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและบริหารระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้ คาดว่าราคาค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดอายุของแผน PDP ฉบับนี้อยู่ที่ 4.587 บาท/หน่วย
พร้อมกันนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดภาวะปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดและสามารถจัดหาได้ง่ายขึ้น ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบในหลักการให้ลดอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายให้เหลือจำนวนวันสำรองประมาณ 25 วัน จากเดิม 43 วัน โดยแบ่งเป็นน้ำมันดิบ 6% และน้ำมันสำเร็จรูป 1% พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนเพราะทำให้ต้นทุนในการสำรองของประเทศลดลงและคาดว่าจะทำให้ ราคาน้ำมันลดลง 9 สตางค์ต่อลิตร
ส่วนกรณีที่แปลงสัมปทานบ่อก๊าซธรรมชาติ ที่กำลังจะสิ้นสุดลงนั้น ที่ประชุม กพช.ยังไม่มีข้อสรุปว่าหน่วยงานใดของรัฐที่จะเข้าไปถือหุ้นเพิ่ม ซึ่งก็อาจจะเป็นกระทรวงการคลังก็ได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องรอผลศึกษาก่อนซึ่งแปลงที่จะหมดอายุมี 3 สัมปทานกับ 5 แปลงสำรวจ คือ แหล่งเอราวัณ ของ บ.เชฟรอน หมดอายุมี.ค. 2556 และแหล่งบงกช ของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตหมดอายุเม.ย. ปี 2566 รวมกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติ 2,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันคิดเป็น 76% ของการผลิตทั้งหมดในอ่าวไทย ส่วนสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไม่ได้มีการคุยในครั้งนี้เพราะได้หารือกันในสภาอยู่แล้วในเรื่องของกฎหมายต่างๆ แต่ทุกฝ่ายก็เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องทำต่อ
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เลื่อนกำหนดวันออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ FiT (Feed-in Tariff) ภายใต้กลไกการแข่งขันด้านราคา จากเดิมภายในไตรมาสแรกของปี 2558 เป็นภายในเดือนกรกฎาคม 2558 โดยไม่รวมพลังงานน้ำและขยะในการประกาศรอบนี้ และสำหรับพลังงานน้ำและขยะจะไม่ดำเนินการด้วยกลไกการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และควรดำเนินการส่งเสริมเป็นการเฉพาะตามนโยบายรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบขยายระยะเวลาการจำหน่ายหุ้นของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ให้แก่ประชาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกไปเป็นภายในปี 2558 โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเจรจากับ SPRC เพื่อกำหนดระยะเวลาเข้าจดทะเบียนและจำหน่ายหุ้นที่เหมาะสม และดำเนินการแก้ไขสัญญาฯ ต่อไป