- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 16 May 2015 00:03
- Hits: 1971
'มท.1'หนุน'กฟภ.'อัดงบ 2 พันล้าน สร้างเคเบิลส่งไฟใต้น้ำเชื่อมเกาะ
แนวหน้า : พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการสร้างเคเบิลส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จึงอาจทำให้ระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังเกาะต่างๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาไฟตกหรือดับ ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการให้บริการจ่ายไฟฟ้าบนเกาะสมุย และเกาะต่างๆ โดยรอบด้วยระบบการจ่ายไฟฟ้าผ่านสายเคเบิลใต้น้ำจากโรงไฟฟ้าฝั่งขนอม มีจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้ง 3 เกาะ กว่า 47,301 ราย แบ่งเป็นเกาะสมุย ประเภทครัวเรือน 28,382 ราย และธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ 8,285 ราย เกาะพะงัน 7,881 ราย และเกาะเต่า 2,753 ราย อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรองรับการใช้ไฟฟ้าที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล ทางกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เสนอโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 115 กิโลโวลต์ เพื่อทดแทน และเพิ่มความสามารถในการจ่ายไฟไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
"โครงการนี้จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของระบบการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่เกาะต่างๆ ให้สามารถบริการจ่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟ ทั้งประเภทผู้อยู่อาศัย และประเภทกิจการทั่วไป ได้เพิ่มมากขึ้น เพียงพอต่อการใช้ไฟในอนาคต และได้ผ่านการศึกษารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปีนี้" รมว.มหาดไทย กล่าว
สำหรับ โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะสมุย มีแผนงานก่อสร้างในระบบ 115 กิโลโวลท์ จากสถานีไฟฟ้าขนอมไปยังเกาะสมุย ระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร จำนวน 1 วงจร ขนาด 500 ตารางมิลลิเมตร รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ประกอบ และป้องกันที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (2559 - 2560) งบประมาณ 2,130 ล้านบาท หากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยให้การบริการจ่ายไฟฟ้าบนเกาะมีประสิทธิภาพ และมั่นคงมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาไฟฟ้าตก และดับในพื้นที่ทั้ง 3 เกาะ ถือเป็นการตอบสนองต่อการพัฒนา และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะยาว อีกทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่อีกด้วย