- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 13 May 2015 16:26
- Hits: 1961
‘ก.พลังงาน’ยืนยันแผน‘PDP2015’ ไม่กระทบค่าไฟฟ้าในอนาคต
แนวหน้า : นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือแผน PDP 2015 ที่ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกภูมิภาคและมีเวทีหลักไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยกระทรวงพร้อมจะนำทุกความคิดเห็นมาปรับปรุงแผนอย่างรอบด้าน คู่ไปกับแนวคิดสำคัญของแผน PDP 2015 ที่จะมุ่งสร้างความสมดุลสูงสุด
ทั้งนี้ แบ่งเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.มิติด้านความมั่นคง สร้างความสมดุลด้วยการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยมีการปรับลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ที่ปัจจุบันต้องพึ่งพาสูงถึง 64% ให้ลดลงเหลือ 45-50% ในช่วงกลางแผนปี 2569 และในปลายแผนจะลดลงเหลือเพียง 30-40% ในปี 2579 ซึ่งจะเพิ่มในส่วนของพลังงานหมุนเวียน ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เป็นต้น
2.มิติด้านสิ่งแวดล้อม แผน PDP 2015 จะรักษาความสมดุล โดยเร่งลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน ภายใต้แผนจะให้การปลดปล่อยคาร์บอนฯลดลงจาก 0.506 กิโลกรัมคาร์บอนฯต่อหน่วย เหลือ 0.319 กิโลกรัมคาร์บอนฯต่อหน่วย หรือจะมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯลดลง 37% ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มที่ และ 3.มิติด้านการส่งเสริมการแข่งขันทางธุรกิจ จากการรักษาสมดุลค่าไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยตลอดช่วงของแผน PDP 2015
นายทวารัฐ กล่าวว่า ภายใต้แผน PDP 2015 ที่จะมีสัดส่วนของสำรองไฟฟ้าในระบบที่จะเพิ่มสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 35-39% ในปี 2567 และจากนั้นจะทยอยลดลงเฉลี่ยเหลือ 15% ตามแผนนั้น เป็นผลมาจากสาเหตุหลักๆ คือ จากผลของการประมาณการปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ลดลงเฉลี่ยจาก 4.41% เหลือ 3.94% และผลของการประหยัดพลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 100% ตามแผน
โดยกระทรวงยืนยันว่าสัดส่วนของการคำนวณสำรองไฟฟ้าในระบบมีผลต่อราคาค่าไฟฟ้าตามแผนน้อยมาก และอัตราค่าไฟฟ้าตามแผนจะอยู่ที่ประมาณ 4.587 บาทต่อหน่วย ในช่วงปลายแผน หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละ 1.89% ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยของสำรองไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แต่ปัจจัยหลักคือราคาค่าเชื้อเพลิงในอนาคต
“กระทรวงขอให้ความมั่นใจว่า แผน PDP 2015 จะพยายามบริหารจัดการภายใต้การดำเนินการตามสัญญาของโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพัน การพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ และการพัฒนาระบบโครงข่าย Smart Grid เพื่อให้การบริการจัดการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้ายสุดผลประโยชน์หลักจะตกอยู่กับประเทศชาติและประชาชนคนไทย ให้มีพลังงานใช้อย่างยั่งยืนและในราคาที่เป็นธรรมสูงสุด” นายทวารัฐ กล่าว
พลังงานชี้'พีดีพี'ไม่กระทบค่าไฟจ่อใช้พื้นที่ทหารรับขยะอันตราย
ไทยโพสต์ : วิภาวดีรังสิต * พลังงานยืนยันแผนพีดีพีฉบับใหม่ ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคต และรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนสูงสุด พร้อมเปิดทางสร้างโรงไฟฟ้าขยะอันตรายในพื้นที่ทหาร
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี 2015) ซึ่งได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกภูมิภาคไปแล้วนั้น กระทรวงพลังงานพร้อมจะนำทุกความคิดเห็นมาปรับปรุงอย่างรอบด้าน สำหรับกรณีที่เกรง ว่าปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศภายใต้แผนพีดีพี 2015 ที่จะเพิ่มสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 35-39% ในช่วงปี 2567 นั้น ไม่กระทบกับค่าไฟฟ้า
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า สัดส่วนของการคำนวณสำรองไฟฟ้าในระบบ มีผลต่อราคาค่าไฟฟ้าตามแผนฯ น้อยมาก และอัตราค่าไฟฟ้าตามแผนฯ จะอยู่ที่ประมาณ 4.587 บาทต่อหน่วย ในช่วงปลายแผนฯ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละ 1.89% ซึ่งไม่ได้เกิด จากปัจจัยของสำรองไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แต่ปัจจัยหลักคือราคาค่าเชื้อเพลิงในอนาคต นอกจากนี้ตามแผนพีดีพี 2015 จะเน้นการบริหารจัดการภายใต้การดำเนินการตามสัญญาของโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพัน การพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รวมถึงรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าใน การเร่งรัดโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ทั้งในส่วนของขยะชุมชน และ ขยะอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรม ว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีการ ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยที่มี นาย ทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่มาจากขยะอันตราย
ทั้งนี้ ทางกระทรวงกลาโหมได้เสนอที่จะให้ใช้พื้นที่ของทหาร ที่มีระบบสายส่งรองรับ เป็นพื้นที่รับกากขยะอันตรายและก่อตั้งโรงไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการคัดค้านจากชุมชน จากเดิมที่จะมีการเสนอให้ตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวเฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรม โดยจะดำเนินการโครงการนำร่องทั้งหมด 50 เมกะวัตต์ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับการส่งเสริมค่าไฟฟ้าตามระบบ "การให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง หรือฟีทอินทารีฟ" ในอัตรา 6.93 บาทต่อหน่วย
ก.พลังงาน ยันสัดส่วนสำรองไฟฟ้าตามแผน PDP 2015 ไม่กระทบค่าไฟฟ้า
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP 2015) ซึ่งได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกภูมิภาค และได้มีเวทีหลักไปเมื่อเร็วๆนี้ โดยกระทรวงพลังงานพร้อมจะนำทุกความคิดเห็นมาปรับปรุงแผน ฯ อย่างรอบด้าน คู่ไปกับแนวคิดสำคัญของแผน PDP 2015 นี้ที่จะมุ่งสร้างความสมดุลย์สูงสุด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.) มิติด้านความมั่นคง สร้างความสมดุลย์ด้วยการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยมีการปรับลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ที่ปัจจุบันต้องพึ่งพาสูงถึงร้อยละ 64 ให้ลดลงเหลือร้อยละ 45 – 50 ในปีช่วงกลางแผน ปี 2569 และในปลายแผนจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 30 – 40 ในปี 2579 โดยจะเพิ่มในส่วนของพลังงานหมุนเวียน ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เป็นต้น
2.) มิติด้านสิ่งแวดล้อม แผน PDP 2015 นี้ จะรักษาความสมดุลย์โดยเร่งการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน โดยภายใต้แผนฯ จะให้การปลดปล่อยคาร์บอนฯ ลดลงจาก 0.506 กิโลกรัมคาร์บอนต่อหน่วย เหลือ 0.319 กิโลกรัมคาร์บอนต่อหน่วย หรือจะมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลดลงร้อยละ 37 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มที่ และ3.) มิติด้านการส่งเสริมการแข่งขันทางธุรกิจ จากการรักษาสมดุลย์ค่าไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยตลอดช่วงของแผน PDP 2015
นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มว่า จากกรณีภายใต้แผน PDP 2015 ที่จะมีสัดส่วนของสำรองไฟฟ้าในระบบที่จะเพิ่มสูงสุดเฉลี่ยประมาณร้อยละ 35 - 39 ในช่วงปี 2567 และจากนั้นจะทยอยลดลงเฉลี่ยเหลือร้อยละ 15 ตามแผนฯ นั้น เป็นผลมาจากสาเหตุหลัก ๆ คือ จากผลของการประมาณการณ์ปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ที่ลดลงเฉลี่ยจาก 4.41 % เหลือ 3.94% และผลของการประหยัดพลังงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก 20 % เป็น 100 % ตามแผนฯ ซึ่งกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า สัดส่วนของการคำนวนสำรองไฟฟ้าในระบบมีผลต่อราคาค่าไฟฟ้าตามแผนฯ น้อยมาก และอัตราค่าไฟฟ้าตามแผนฯ จะอยู่ที่ประมาณ 4.587 บาทต่อหน่วยในช่วงปลายแผนฯ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงปีละ 1.89% ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยของสำรองไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว แต่ปัจจัยหลักคือราคาค่าเชื้อเพลิงในอนาคต
“กระทรวงพลังงานขอให้ความมั่นใจได้ว่า แผน PDP 2015 ครั้งนี้ จะพยายามบริหารจัดการภายใต้การดำเนินการตามสัญญาของโรงไฟฟ้าที่มีข้อผูกพัน การพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับ AEC รวมถึงรองรับการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ และการพัฒนาระบบโครงข่าย Smart Grid เพื่อให้การบริการจัดการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป ซึ่งท้ายสุดผลประโยชน์หลักจะตกอยู่กับประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกคน ให้มีพลังงานใช้อย่างยั่งยืนและในราคาที่เป็นธรรมสูงสุด"นายทวารัฐ กล่าว
อินโฟเควสท์