- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Saturday, 09 May 2015 22:26
- Hits: 1904
ราคาน้ำมันดิบปรับลดจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งและความกังวลในสภาวะอุปทานล้นตลาด
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสเท็กซัสต์ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ มาปิดที่ระดับ 65.54 และ 58.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบารร์เรล ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กลับมาปรับตัวแข็งค่าขึ้นภายหลังจากที่ปรับตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าสู่เดือนพฤษภาคม 2558 เป็นต้นมา โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายงานการจ้างงานที่ออกมาดีเกินคาดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นนั้น ได้ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นในสายตานักลงทุนที่ถือเงินสกุลยูโรและต่างประเทศ
- นอกจากนี้ ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับสภาวะอุปทานล้นตลาดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ที่ทำให้อุปสงค์การใช้น้ำมันมีมากขึ้น และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับน้ำมันดิบคงคลังสำรองของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงกว่า 4 ล้านบาร์เรล แต่ระดับน้ำมันดิบคงคลังสำรองของสหรัฐฯ นั้นยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 487 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้แล้วการประชุมของกลุ่มโอเปก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะมีมติลดกำลังการผลิตของกลุ่มออกมา
- ตลาดน้ำมันดิบ ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดพบว่ามีน้ำมันดิบจากแหล่งแอฟริกาตะวันตก Azeri และ ทะเลเหนือ รวมกันทั้งหมดกว่าหลายสิบล้านบาร์เรลที่กำลังหาทางที่จะขายออกไป ซึ่งเหตุการณ์นี้บ่งบอกได้ว่าสภาวะของตลาดน้ำมันยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ยังไม่ดีอยู่
+ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นของสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 265,000 รายซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 280,000 ราย ในขณะที่จำนวนผู้ที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ได้ลดลง 28,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 2.23 ล้านราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสำนักงานสารสนเทศพลังงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซิน ของสหรัฐฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 401,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 250,000 บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ในตะวันกลางที่ต้องการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาดหลังโรงกลั่นบางแห่งในประเทศจีนได้ทยอยกลับมาจากการหยุดซ่อมบำรุง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ตลาดยังมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่อาจจะตึงตัวมากขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้ออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศลิเบียได้ทำการปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบที่ลำเลียงไปยังท่าเรือ Zueitina ทำให้การดำเนินงานบริเวณท่าเรือต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียลดลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้การสู้รบระหว่างซาอุดิอาระเบียกับกลุ่มกบฏฮูธิในเยเมนก็ยังไม่มีทีท่าที่จะยุติลงได้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซาอุดิอาระเบียได้ส่งทหารเข้าไปยังเมืองท่าเอเดนของเยเมนแล้ว โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติภาคพื้นดินครั้งแรกนับตั้งแต่ซาอุดิอาระเบียได้เริ่มเปิดสงครามทางอากาศกับเยเมนเมื่อปลายเดือน มี.ค. แม้ว่าเยเมนจะไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ แต่จากสถาการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าปัญหาอาจจะบานปลายและส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบในภูมิภาคได้
อิหร่านเผยว่า หากอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจทั้งหกได้ ซึ่งมีกำหนดเส้นตายวันที่ 30 มิ.ย. 58 นี้ อิหร่านตัดสินใจจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบมากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาอิหร่านได้ลดกำลังการผลิตลงไปกว่า 60% โดยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอิหร่านกล่าวว่าอิหร่านต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันดิบโลก
จับตาการเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ยูโรโซนที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 พ.ค. 58 นี้ ว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้หรือไม่ ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงได้จะทำให้กรีซได้รับความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่ ทั้งนี้ ในวันที่12 พ.ค. 58 นี้ กรีซมีกำหนดชำระหนี้มูลค่า 750 ล้านยูโร ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งตลาดยังคงมีความกังวลอยู่ว่ากรีซจะเผชิญกับภาวะขาดแคลนเงินสดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ดี ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ได้อนุมัติให้มีการเพิ่มเพดานเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) ให้แก่ธนาคารของกรีซอีกเป็น 7.89 หมื่นล้านยูโร จากระดับเดิมที่ 7.69 หมื่นล้านยูโร
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด Baker Huges เปิดเผยข้อมูลจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 1 พ.ค. ปรับลดลง 24 แท่น เหลือเพียง 679 แท่น อย่างไรก็ดี การลดลงของจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งการปรับลดลงของจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในอัตราที่ช้าลง อาจส่งสัญญาณว่าการลดลงของแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบอาจจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ปรับลดลงกว่าร้อยละ 60 ในเดือน มี.ค. 58 จากระดับที่สูงที่สุดในเดือน มิ.ย. 57