- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 07 May 2015 21:28
- Hits: 1804
ไทยออยล์ คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคานด้ำมัน 4-8 พ.ค.58 และสรุปสถานการณ์ฯ 27 เม.ย. - 1 พ.ค.58
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55 - 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 62 - 68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (4 – 8 พ.ค. 58)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบในเยเมนที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงอัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจาก อุปทานน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 นี้ ขณะที่ตลาดยังคงจับตาทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ลงมติเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วงร้อยละ 0-0.25 ต่อไป
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ตลาดมีความกังวลด้านอุปทาน หลังการสู้รบในเยเมนยังคงยืดเยื้อ โดยล่าสุด ซาอุดิอาระเบียยังคงโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏฮูธิ (Houthi) ในเยเมนทางด้านตอนกลางและใต้ของประเทศอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความกังวลว่าปัญหาอาจจะบานปลายและส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบในภูมิภาค ถึงแม้ว่าเยเมนจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายเล็ก โดยผลิตได้เพียง 90,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน มี.ค. 58 ซึ่งน้อยกว่า 1% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก แต่มีชายฝั่งด้านหนึ่งติดกับช่องแคบบับเอลมันเดบ (Bab el-Mandeb) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันผ่านคลองสุเอซ (Suez Canal) ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลแดง (Red Sea) กับอ่าวเอเดน (Gulf of Aden) ซึ่งความขัดแย้งในภูมิภาคครั้งนี้ อาจเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งน้ำมันดิบราว 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในซาอุดิอาระเบีย และภูมิภาคตะวันออกกลางได้
การชะลอแผนการลงทุนขุดเจาะและผลิตน้ำมันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง หลังจากปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา โดย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขอัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ระดับ 9.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน (รายงาน ณ วันที่ 24 เม.ย. 58) ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แตะระดับ 490.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 514,000 บาร์เรล สู่ระดับ 61.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกตั้งแต่เดือน พ.ย. 57 เป็นต้นมา
ติดตามทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลงมติในการประชุมเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วงร้อยละ 0-0.25 ต่อไป ในขณะที่ Fed ยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ Fed ได้ระบุว่าการชะลอตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 1/58 เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจชั่วคราว โดย Fed มีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 1/58 ขยายตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4/58 เนื่องจากภาคธุรกิจชะลอการลงทุน ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย รวมถึงการส่งออกที่ลดลงจากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น
อุปทานน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายอาลี อัล-ไนมี รมว.กระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย แสดงความเห็นว่าอุปสงค์น้ำมันดิบในเอเชียยังคงมีความแข็งแกร่ง และซาอุดิอาระเบียพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันดิบเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันดิบแตะระดับ 10.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ 10.2 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือน ส.ค. 56
อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ โดยล่าสุดมีการคาดการณ์ว่าหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบ (Crude Distillation Units) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 2 ล้านบาร์เรลจะถูกปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 2 นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Markit PMI และ ISM PMI) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน อัตราการว่างงาน และรายได้นอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ดัชนีภาคการผลิต (Markit PMI) และยอดค้าปลีกยูโรโซน และดัชนีราคาผู้ผลิต-ผู้บริโภคจีน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (27 เม.ย. – 1 พ.ค. 58)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 59.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 66.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับหนุนหลัง EIA เปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับความกังวลว่าอุปทานน้ำมันจะตึงตัวหลังจากความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเยเมนที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย