- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 22 April 2015 15:06
- Hits: 1760
ก.พลังงาน เผย ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดสร้างสถิติใหม่ อยู่ที่ 27,139 เมกะวัตต์ ทำลายสถิติปี 57 ราบคาบ
ก.พลังงาน เผย ยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดสร้างสถิติใหม่ อยู่ที่ 27,139 เมกะวัตต์ ทำลายสถิติปี 57ราบคาบ เหตุจากสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิใกล้แตะ 40 องศา ส่งผลการใช้พลังงานทะลุขีดจำกัด วอนทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ประหยัดพลังงาน แนะประชาชนปรับพฤติกรรมใช้ไฟฟ้า สู้วิกฤตหน้าร้อนนี้
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้รับรายงานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกฟผ. ถึงสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีค(Peak) ของประเทศไทย ที่ล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่ของประเทศเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 27,139 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา14.13 น. ทำลายสถิติพีคเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา (วันที่ 7 เมย.) ที่ระดับ 27,056.8 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นสถิติที่ได้ทำลายสถิติพีคของปี 2557 ที่ระดับ 26,942.1 เมกะวัตต์มาแล้ว โดยสถิติพีคใหม่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มาจากสาเหตุสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว อุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 38.3 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ จากสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดดังกล่าว กระทรวงพลังงานคาดว่ามีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้สร้างสถิติพีคของปีนี้อีกหลายครั้ง หากสภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าว และมีแนวโน้มที่อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้พลังงานมากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจ อาคารสำนักงาน ออฟฟิต และประชาชนทั่วไป ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากกรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศที่ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้
ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน และประชาชนทั่วไป ช่วยกันประหยัดไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนนี้ โดยเฉพาะการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ หรือล้างแอร์ในช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำความเย็นได้ดีขึ้น ร่วมกันปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ การปรับแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส หรือถ้าสามารถปรับอุณหภูมิแอร์เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียส ก็จะช่วยประหยัดไฟฟ้าลงได้ร้อยละ 10 เช่น การปรับอุณหภูมิแอร์ที่ 26 องศาเซลเซียส การปลดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้ เปลี่ยนหลอดไฟประหยัดพลังงาน โดยมาตรการทั้งหมดดังกล่าวจะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศ และลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานขอแจ้งสรุปผลในช่วงที่มีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากประเทศ เมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 10 – 19 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซยานาดา-เยตากุน นั้น ไม่ได้มีการส่งผลกระทบใดๆ ต่อประเทศไทย และปัจจุบันอยู่ระหว่างการหยุดซ่อมบำรุงที่แหล่งซอติก้า ประเทศเมียนมาร์ (20 – 27 เมษายน 2558) โดยกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่าสถานการณ์การผลิตไฟฟ้าในประเทศมีความมั่นคงต่อเนื่อง และพร้อมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
ยอดใช้ไฟทำลายสถิติปี 57 ราบคาบ ชี้ร้อนจัด!ปชช.กระหน่ำเปิดแอร์
แนวหน้า : นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้รับรายงานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ถึงสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีค(Peak) ของประเทศไทย ที่ล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่ของประเทศเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 27,139 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 14.13 น.ทำลายสถิติพีคเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา (วันที่ 7 เมย.57) ที่ระดับ 27,056.8 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นสถิติที่ได้ทำลายสถิติพีคของปี 2557 ที่ระดับ 26,942.1 เมกะวัตต์มาแล้ว โดยสถิติพีคใหม่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มาจากสาเหตุสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว อุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 38.3 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ จากสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดดังกล่าว กระทรวงพลังงานคาดว่ามีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้สร้างสถิติพีคของปีนี้อีกหลายครั้ง หากสภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าว และมีแนวโน้มที่อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้พลังงานมากเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจ อาคารสำนักงาน ออฟฟิศ และประชาชนทั่วไป ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากกรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศที่ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้
ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน และประชาชนทั่วไป ช่วยกันประหยัดไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนนี้ โดยเฉพาะการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ หรือล้างแอร์ในช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และทำความเย็นได้ดีขึ้น ร่วมกันปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ การปรับแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส หรือถ้าสามารถปรับอุณหภูมิแอร์เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียส ก็จะช่วยประหยัดไฟฟ้าลงได้ร้อยละ 10 เช่น การปรับอุณหภูมิแอร์ที่ 26 องศาเซลเซียส การปลดปลั๊กไฟที่ไม่ใช้ เปลี่ยนหลอดไฟประหยัดพลังงาน โดยมาตรการทั้งหมดดังกล่าวจะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศ และลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานขอแจ้งสรุปผลในช่วงที่มีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากประเทศ เมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 10 – 19 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติเพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซยานาดา-เยตากุน นั้น ไม่ได้มีการส่งผลกระทบใดๆ ต่อประเทศไทย และปัจจุบันอยู่ระหว่างการหยุดซ่อมบำรุงที่แหล่งซอติก้า ประเทศเมียนมาร์ (20–27 เม.ย.58) โดยกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า สถานการณ์การผลิตไฟฟ้าในประเทศมีความมั่นคงต่อเนื่อง และพร้อมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
กกพ. แย้มลดค่าเอฟทีงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ลง 10 เปอร์เซ็นต์
กกพ. เผยเอฟทีงวดมีแนวโน้มลด หลังการใช้น้ำมันเตา-ดีเซลน้อยลง ส่งผลงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ปรับลง 10 เปอร์เซ็นต์
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)หรือ เรกูเลเตอร์ เผยภายหลังการประชุมอนุกรรมการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) ประจำงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 ว่า ค่าเอฟทีมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะลดลงได้มากกว่า 5 สตางค์ต่อหน่วย แต่ไม่เกิน 10 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากในช่วงที่แหล่งก๊าซพม่าปิดซ่อม เกิดการใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำหรับผลิตไฟฟ้าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับราคาก๊าซในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 20 บาท ต่อล้านบีทียู แต่จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงกว่าเดิม จึงส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงไม่มากเท่ากับเอฟทีงวดที่ผ่านมา