WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กระทรวงพลังงานยืนยันไร้ปัญหาไฟฟ้าตก-ดับช่วงเมียนมาร์ปิดซ่อมแหล่งก๊าซฯ

    นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน ยืนยันกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศในช่วงเวลาที่มีการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศเมียนมาร์ตั้งแต่วันที่ 10-27 เม.ย.นี้จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตไฟฟ้าตก-ไฟดับภายในประเทศได้

    "หลังจากการติดตามและเยี่ยมชมระบบการทำงานต่างๆ ของโรงไฟฟ้าในวันนี้ กระทรวงพลังงานยืนยันได้ว่าในช่วงเวลาที่มีการซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ จนถึงปลายเดือนเมษายนนี้ คาดว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตไฟฟ้าตก-ดับภายในประเทศได้" นายทวารัฐ กล่าว

     โดยกลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรี ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนราชบุรี กำลังผลิต 1,470 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี กำลังผลิต 2,175 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ กำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ กำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ใช้เชื้อเพลิงหลักจากก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงสำรองจากน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ขณะที่แหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศพม่าหยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุง โดยแหล่งยาดานา-เยตากุน ระหว่างช่วงวันที่ 10-19 เม.ย.58 และแหล่งซอติก้า ระหว่างช่วงวันที่ 20-27 เม.ย.58

    รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน กระทรวงฯจึงได้นำสื่อมวลชนมาตรวจสอบความพร้อมในการบริหารจัดการของกลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งถือเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าหลักที่ได้รับผลกระทบจากกรณีประเทศพม่าซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติดังกล่าว

    ทั้งนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรีได้เตรียมสำรองน้ำมันเตาสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี จำนวน 79.83 ล้านลิตร ซึ่งสามารถเดินเครื่องติดต่อกันได้ 10 วัน และน้ำมันดีเซลสำหรับโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมราชบุรี โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าไตรเอนเอนจี้ จำนวน 59.4 ล้านลิตร ซึ่งสามารถใช้เดินเครื่องได้ 3 วันติดต่อกัน รวมทั้งได้ทดสอบการเดินเครื่องด้วยน้ำมันเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า

     นอกจากนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรีได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการสั่งการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้งประเทศ ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่ไม่สูงมากนัก ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากกลุ่มโรงไฟฟ้าราชบุรีด้วยเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเพียงพอ

กฟผ.เผยสถานการณ์ ผลิตไฟฟ้ากลับสู่ปกติแม้มีเหตุขัดข้องบนแท่นเจาะอ่าวไทย

    ศูนย์เฝ้าระวังวิกฤตพลังงานช่วงเทศกาลสงกรานต์(EC-MC) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) รายงานว่า เมื่อเวลา 08:35 น.วานนี้(17 เม.ย.) เกิดเหตุอุปกรณ์ขัดข้องเล็กน้อยที่แท่นเพิ่มความดันก๊าซฯ ECP กลางอ่าวไทย แต่สามารถซ่อมแซมและกลับมา Re-Start Compressor ได้ครบทั้ง 3 ชุดตั้งแต่เวลา 11.30 น. เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบชั่วคราวเป็นเวลา 3 ชั่วโมง รวมปริมาณก๊าซฯ ฝั่งตะวันออกหายไป 40 ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยทาง บมจ.ปตท(PTT) ได้ดำเนินการชดเชยด้วยการประสานลดปริมาณส่งก๊าซเข้าโรงแยกก๊าซชั่วคราว พร้อมเพิ่มปริมาณการป้อนก๊าซจาก LNG และเรียกก๊าซฯ เพิ่มจากแหล่งอื่นทดแทนชั่วคราว สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติเรียบร้อยตั้งแต่เวลา 11.30 น.

     สำหรับ การขนส่งและสำรองน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเพื่อสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าที่จังหวัดราชบุรี เนื่องจากการหยุดจ่ายก๊าซฯจากเมียนมา ช่วงวันที่ 11-19 เม.ย.58 นั้น ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้โดยมีการใช้น้ำมันเตาสะสม 37.9 ล้านลิตร การใช้น้ำมันดีเซลสะสม 5.6 ล้านลิตร ส่วนการใช้ NGV ในภาคตะวันตกพบว่ามีการใช้อีก 21 ล้านลูกบาศก์ฟุต ในขณะที่ระบบ Line-Pack ยังมีปริมาณก๊าซฯ สำรองเหลืออยู่อีก 246 ล้านลูกบาศก์ฟุต ทำให้ก๊าซฯ เหลือใช้ได้อีก 8 วัน ทั้งนี้ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่พบรายงานการเกิดอุบัติภัยร้ายแรงในด้านน้ำมันเชื้อเพลิง

     และเมื่อเวลา 14.31 น.วานนี้มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 36.1 องศาเซลเซียส ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประจำวัน(Daily Peak Demand) อยู่ที่ 22,602.0 เมกะวัตต์(MW) ขณะที่ กฟผ.คาดว่าปีนี้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบจะอยู่ที่ประมาณ 27,500 MW ในช่วงวันที่ 23-25 เม.ย.58

                        อินโฟเควสท์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!