- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 17 April 2015 21:52
- Hits: 1488
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น จากเหตุความขัดแย้งในประเทศเยเมน
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้น หลังจากมีข่าวว่ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ Al-Majles al-Ahli ซึ่งเป็นกลุ่มที่แตกออกมาจากกลุ่ม Al Qaeda ได้เข้าควบคุมสถานีจ่ายส่งน้ำมันที่สำคัญทางตอนใต้ของประเทศเยเมน ซึ่งสถานีส่งจ่ายน้ำมันนี้เป็น 1 ในสถานีที่สาคัญในเขต Hadramout โดยมีการส่งออกน้ำมันโดยเฉลี่ย 120,000 - 140,000 บาร์เรลต่อวันจากพื้นที่ในเขตนี้
+ เหตุความขัดแย้งในประเทศเยเมนนี้ได้ขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลกกับประเทศอิหร่าน หลังจากซาอุดิอาระเบียมีท่าทีที่จะส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในเขตที่มีการสู้รบ หลังจากได้โจมตีทางอากาศติดต่อกันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยซาอุดิอาระเบียไม่ต้องการให้กลุ่มนักรบ Houthis ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านสร้างอิทธิพลในประเทศข้างเคียง
+ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงจาก 1.068 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ยูโร เป็น 1.076 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ยูโร หรืออ่อนค่าลงราวร้อยละ 0.75 โดยเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรนั้นส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันด้วยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นดูถูกลงในสายตาของนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
+/- อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานครั้งแรกของสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้น 12,000 รายมาอยู่ที่ระดับ 294,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงประมาณ 2,000 ราย อย่างไรก็ตามเมื่อมาดูตัวเลขเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์เพื่อลดความผันผวนจากผลของฤดูกาลจะพบว่า มีผู้เข้าขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นพียง 250 รายเท่านั้น ในขณะที่ตัวเลขของผู้ที่เข้ารับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่องของสหรัฐฯนั้น ได้ปรับตัวลดลง 40,000 ราย เหลือเพียง 2.27 ล้านรายเท่านั้น
- จีน ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองลงมาจากสหรัฐฯ ได้ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไตรมาส 1/2558 พบว่าขยายตัวเพียง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี หรือตั้งแต่ปี 2552 ที่เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินทั่วโลกและได้ขยายตัวเพียง 6.6% เท่านั้นในปีนั้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยตลาดน้ำมันเบนซินปรับตัวดีขึ้น หลังมีอุปสงค์เพิ่มมากขึ้นจากทั้งฤดูกาลการขับขี่รถยนต์เพื่อการท่องเที่ยว และจากความต้องการเพิ่มเติมจากประเทศอินเดียและศรีลังกา ประกอบกับอุปทานในภูมิภาคยังคงลดลง เนื่องจากโรงกลั่นหลายรายยังคงปิดซ่อมบำรุงอยู่
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ถึงแม้ว่าจะมีอุปทานเพิ่มเติมจากโรงกลั่นในตะวันออกกลาง เช่นซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ตาม
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 58-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
การชะลอแผนการลงทุนขุดเจาะและผลิตน้ำมันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นถึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงอีกครั้งในรอบ 3 เดือน โดย สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขอัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (รายงาน ณ วันที่ 10 เม.ย. 58) ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ทบทวนและปรับลดคาดการณ์อัตราการผลิตน้ำมันดิบในอเมริกาเหนือในช่วงครึ่งปีหลังลง 160,000 บาร์เรลต่อวัน
ติดตามทิศทางของเศรษฐกิจของยูโรโซนและทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขภาวะเศรษฐกิจซบเซาและเงินฝืด โดยล่าสุดคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 0.05% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ โดยนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของกรีซ และได้เตรียมเงินทุนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับกรณีของกรีซต่อกรณีการผิดนัดชำระหนี้เอาไว้แล้ว โดยยืนยันว่า ECB จะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป จนกว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน และจะยังคงสนับสนุนกรีซต่อไป โดยในสัปดาห์นี้ ต้องติดตามการพิจารณาแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซภายในวันที่ 20 เม.ย. เพื่ออนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนสุดท้ายมูลค่า 7,200 ล้านยูโร ที่ชาติยูโรโซนจะให้แก่กรีซภายใต้โครงการเงินกู้มูลค่า 240,000 ล้านยูโร และจะอนุมัติทันความต้องการของกรีซหรือไม่
จับตาว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิเช่น การปรับลดอัตราเงินสดสำรอง ตลอดจนการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมหรือไม่ หลังอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งจีนประกาศตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/58 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 7 ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเงินโลกในช่วงปี 52 ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วนแล้วก็ตาม
อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ โดยล่าสุดมีการคาดการณ์ว่าหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบ (Crude Distillation Units) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 2 ล้านบาร์เรล จะถูกปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 2 นี้