- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 13 June 2014 23:00
- Hits: 3473
คุรุจิต จี้เปิดสัมปทาน ปิโตรเลียมรอบที่ 21
ไทยโพสต์ : รัชดาภิเษก * กระทรวงพลัง งานหนุนเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 เพิ่มปริมาณสำรองก๊าซในอ่าวไทย ชี้หากปล่อยให้นำเข้าพลังงานจากต่างประเทศมากขึ้น ค่าไฟฟ้าอีก 10 ปีข้างหน้าทะลุ 6.25 บาทต่อหน่วย
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนาสถานการณ์พลังงานไทยกับภารกิจการจัดหาปิโตรเลียมเพื่อความยั่งยืนของไทย ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า รัฐต้องเร่งเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 หลังจากที่ล่าช้ามาแล้ว 2 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นพบปิโตรเลียมเพิ่มมากขึ้น และสร้างความชัดเจนในเรื่องของนโยบายของแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานในอีก 8 ปีข้างหน้า เพื่อให้เอกชนมีเวลาเพียงพอในการวางแผน และเตรียมพร้อมการลงทุนให้เกิดความต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องการเร่งยุติข้อพิพาทในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าจะมีโอกาสสำรวจพบปิโตรเลียมอีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม หากไทยยังพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงในราคาที่อิงกับตลาดโลก จะมีผลให้ราคาพลังงานมีแนวโน้มที่สูงขึ้น โดยจะเห็นได้จากค่าไฟฟ้าในปี 2557 สูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.91 บาทต่อหน่วย จากเมื่อปี 2548 ราคาค่าไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2.73 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ หากไม่มีการค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มาทดแทน คาดว่าค่าไฟฟ้าอาจจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ใน 10 ปีข้างหน้า หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.25 บาทต่อหน่วย
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าพลังงานเกือบทุกปี แม้ว่าเราจะมีการผลิตเป็นอันดับที่ 33 ของโลก แต่ปริมาณการใช้สูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติมีการผลิตเป็นอันดับที่ 22 ของโลก แต่ปริมาณการใช้ก็สูงเป็นอันดับที่ 15 ของโลก หมายความว่าไทยเร่งใช้ทั้งน้ำมัน ก๊าซที่มีอยู่ในอัตราที่สูง และหากไม่มีการจัดหามาเพิ่ม ปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วของน้ำมันดิบจะเหลือใช้อีกเพียง 3 ปี และก๊าซธรรมชาติจะเหลือใช้ไปได้อีกเพียง 7 ปีเท่านั้น.