WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ปตท. แจ้งเจดีเอปิดซ่อมบำรุงแล้ววันนี้ เชิญชวนชาวไทยร่วมประหยัดพลังงานเพื่อพี่น้องชาวใต้

   นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันนี้ (13 มิถุนายน 2557) เป็นวันแรกของการปิดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปีของแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย (เจดีเอเอ 18) ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557 โดยผู้ผลิตได้เริ่มการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ แล้วตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในขณะที่ ปตท. ได้จัดส่งก๊าซเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ไปยังภาคใต้ ตามแผนงานล่วงหน้าเช่นกัน และยังได้เปิด ศูนย์ติดตามผลกระทบการปฏิบัติงาน กรณีแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุงเพื่อบริหารสถานการณ์พลังงานด้วย

   ทั้งนี้ ปตท. ได้จัดตั้ง'ศูนย์ติดตามผลกระทบการปฏิบัติงาน กรณีแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง'ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยมีการสื่อสารและวีดิโอทางไกลเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ติดตามผลกระทบฯ ที่ จ.กรุงเทพฯ และ จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเป็นรายวัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ  โดยในช่วง 10 วันแรก (13-22 มิถุนายน 2557) ซึ่งปริมาณก๊าซเอ็นจีวีมีจำกัด ปตท.จำเป็นต้องปิดสถานีบริการเอ็นจีวีชั่วคราว รวม 4 แห่ง

   ดังนี้ วันที่ 13-22 มิถุนายน 2557 ปิดให้บริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี, สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท.สายแก้วปิโตร 1999  ถ.ราษฎร์อุทิศ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา และวันที่ 13 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557 สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา (ปิดตลอดช่วงซ่อมบำรุง) ซึ่งจากรายงานล่าสุดมีแนวโน้มว่า ปตท. จะสามารถสำรองก๊าซธรรมชาติไว้ในระบบ (Line Pack) เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายให้กับสถานีบริการฯ เพิ่มจากแผนที่วางไว้ ในช่วง 18 วันถัดมา (23 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557) เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีได้มากขึ้น โดย ปตท. จะติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

    โอกาสนี้ ปตท. ใคร่ขอเชิญชวนประชาชนในทุกพื้นที่ร่วมใจกันประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 วันแรก ขอความกรุณาผู้ใช้รถยนต์ที่มีเชื้อเพลิง 2 ระบบ (น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี) โปรดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแทน หรือเลือกใช้สถานีบริการเอ็นจีวีในเขตแนวท่อ เนื่องจาก ปตท. ต้องจัดสรรและขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจากส่วนกลางเพื่อช่วยให้พี่น้องชาวใต้มีพลังงานใช้ไม่ขาดแคลน และขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยัง จ.สุราษฏร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เดินทางด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งโปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิงล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการเดินทางนายชาครีย์ กล่าวเสริมในตอนท้าย

    ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PTT Contact Center โทร.1365 หรือศึกษาข้อมูลสถานีบริการได้ที่ www.pttmap.com และ www.pttplc.com 

PTT ปิดปั๊ม NGV ชั่วคราว 4 แห่ง-ตั้งศูนย์ติดตามผลกระทบจาก JDA หยุดซ่อม

   นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ. ปตท. (PTT) กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของการปิดซ่อมบำรุงตามแผนประจำปีของแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย (เจดีเอเอ 18) ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.–10 ก.ค.57 โดยผู้ผลิตได้เริ่มการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ แล้วตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในขณะที่ ปตท. ได้จัดส่งก๊าซเอ็นจีวีจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ไปยังภาคใต้ ตามแผนงานล่วงหน้าเช่นกัน

    ทั้งนี้ ปตท.จำเป็นต้องปิดสถานีบริการเอ็นจีวีชั่วคราว รวม 4 แห่ง ดังนี้ วันที่ 13-22 มิ.ย.57 ปิดให้บริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี, สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. สายแก้วปิโตร 1999 ถ.ราษฎร์อุทิศ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

   ส่วนสถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา (จะปิดตลอดช่วงซ่อมบำรุง 13 มิ.ย.-10 ก.ค.) ซึ่งจากรายงานล่าสุดมีแนวโน้มว่า ปตท. จะสามารถสำรองก๊าซธรรมชาติไว้ในระบบ (Line Pack) เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายให้กับสถานีบริการฯ เพิ่มจากแผนที่วางไว้ ในช่วง 23 มิ.ย.-10 ก.ค.) เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีได้มากขึ้น โดย ปตท. จะติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

   นอกจากนี้ ปตท. ได้จัดตั้ง ศูนย์ติดตามผลกระทบการปฏิบัติงาน กรณีแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง" ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา โดยมีการสื่อสารและวีดิโอทางไกลเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ติดตามผลกระทบฯ ที่ จ.กรุงเทพฯ และ จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเป็นรายวัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ

   ด้านน.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า คสช.มีความเป็นห่วงการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ และได้กำชับไปยังกระทรวงพลังงานแล้วว่า ในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุงแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาไทย-มาเลเซีย(JDA-A18) ระหว่างวันที่13 มิ.ย.-10 ก.ค.นี้ ขอให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด

    ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้เพิ่มกำลังจากผลิตทั้งในประเทศและที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเพียงพอและทดแทนความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงดังกล่าวได้

    อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้ไฟในพื้นที่ภาคใต้ลดใช้พลังงานไฟฟ้าหรือใช้เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงเวลา 18.30-22.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด

            อินโฟเควสท์

กฟผ.เผยปริมาณใช้ไฟภาคใต้ลดลงในวันแรกที่ JDA หยุดจ่ายก๊าซ

    ฝ่ายสื่อสารองค์กร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ระบุถึงสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของภาคใต้ช่วงเมื่อเช้านี้ (13 มิ.ย. 57) ว่า เมื่อเวลา 09.34 น.มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 1,976.9 เมกะวัตต์ น้อยกว่าเมื่อวานที่อยู่ที่ 2,070 เมกะวัตต์ แม้จะมีการถ่ายทอดสดบอลโลกเป็นวันแรก เนื่องจากสภาพอากาศในภาคใต้มีฝนตกทำให้อุณหภูมิเย็นลง แต่ในตอนสายการใช้ไฟฟ้าเริ่มเพิ่มมากขึ้น

   อนึ่ง วันนี้วันแรกที่แหล่งก๊าซ JDA-A18 หยุดจ่าย ตามแผนการปิดซ่อมบำรุง ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57 โดย กฟผ.มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงที่มีการหยุดจ่ายก๊าซฯ จากจากแหล่ง JDA-A18 น่าจะอยู่ที่ 2,450 เมกะวัตต์ โดยมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2557 ในช่วงระยะเวลา 18.30-22.30 น. (เป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดของแต่ละวัน)

     อินโฟเควสท์

หัวหน้าฝ่ายศก.(คสช.)ย้ำไฟฟ้าไม่ดับ

   บ้านเมือง : พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจและทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นครั้งแรก โดยขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เตรียมความพร้อมรองรับการปิดซ่อมบำรุงพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA -A18 ) ในระหว่างวันที่13 มิ.ย.-10 ก.ค.57 เรียบร้อยแล้ว และมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาวิกฤติพลังงานในภาคใต้ เนื่องจากขณะนี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถส่งกระแสไฟฟ้าเพิ่มจากเดิม 500 เมกะวัตต์ เป็น 950 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้ามาเลเซีย (Tenaga Nasional Berhad : TNB) ได้ส่งสัญญาณที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศไทยที่จะป้อนไฟฟ้าเพิ่มเติมเข้าสู่ในช่วงระยะเวลาที่มีการปิดซ่อมดังกล่าว (ช่วงเวลา 18.30-22.30 น.) ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาพีคที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุด

    ทั้งนี้ ปริมาณไฟฟ้าที่จะรับซื้อมาจากประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาในระบบอยู่ที่ประมาณ 300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถทดแทนความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ในช่วงการหยุดซ่อมบำรุงจะอยู่ที่ประมาณ 2,543 เมกะวัตต์ โดยอาจจะไม่ต้องหมุนเวียนสับเปลี่ยนในการดับไฟ จากเดิมที่จะต้องมีการจัดส่งเพิ่มเติม ซึ่งสามารถส่งได้สูงสุดประมาณ 950 เมกะวัตต์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงได้

    ในส่วนของการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ ล่าสุดเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถผลิตได้เพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ จากเดิม 225 เมกะวัตต์ เป็น 240 เมกะวัตต์ ทั้งนี้กระทรวงพลังงานยังมีเป้าหมายเดินหน้ารณรงค์ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม ครัวเรือน การท่องเที่ยว ร่วมมือในการลดการใช้ไฟในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อความมั่นคงของระบบและป้องกันการเกิดไฟดับในพื้นที่

   อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันระบบสายส่งของภาคใต้ มีสายส่ง 2 ระบบ หากระบบใดระบบหนึ่งมีปัญหา ก็สามารถจ่ายไฟจากอีกระบบได้ทันที ซึ่งสามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ และทาง กฟผ.ได้มีการตรวจซ่อมระบบสายส่งและอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ก็สามารถใช้น้ำมันเตาและดีเซล เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!