WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กฟผ.เผยสถานการณ์ใช้ไฟฟ้าเป็นปกติ หลังแหล่งยาดานา-ซอติก้าหยุดจ่ายก๊าซ

   การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) แจ้งว่า การผลิตและส่งไฟฟ้าของภาคตะวันตก เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 ซึ่งเป็นวันแรกของการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ เพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานาและซอติก้าฃของสหภาพเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน – 27 เมษายน 2558 เป็นปกติ สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าอย่างเพียงพอ โดยมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดทั้งประเทศเท่ากับ 24,029.2 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 13.53 น.(สถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 27,056.8 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 14.28 น. วันที่ 7 เมษายน 2558) ซึ่งโรงไฟฟ้าทุกโรงสามารถเดินเครื่องได้โดยไม่มีเหตุขัดข้อง

     ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะลดลงในช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ และจะกลับมาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปี กฟผ.จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันประหยัดไฟในช่วงเวลา 13.00-15.00 น. และ 18.30-20.30 น. เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และตอบสนองการใช้ไฟฟ้าของประชาชนได้อย่างเพียงพอ

กฟผ.เปิดศูนย์‘War Room’ รับมือหยุดผลิตก๊าซแหล่งยาดานา-ซอติก้า

   แนวหน้า : นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงการเตรียมพร้อมกรณีเมียนมาร์ หยุดผลิตก๊าซธรรมชาติ ว่า กฟผ.ได้มีการตั้งศูนย์บริหารจัดการภาวะวิกฤติ กฟผ. (War room) ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยสามารถติดต่อได้ที่โทร.0-2436-3186

    สำหรับ การหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์ 2 แหล่ง คือ แหล่งยาดานาในวันที่ 10-19 เมษายน 2558 เพื่อทำงานซ่อมฐานรากของแท่นผลิตที่ทรุดตัว และแหล่งซอติก้า ในวันที่ 20-27 เมษายน 2558เพื่อหยุดทำงานตรวจสอบอุปกรณ์ และซ่อมบำรุงอุปกรณ์เพิ่มความดัน ซึ่งก๊าซธรรมชาติที่หายไปจะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าในฝั่งภาคตะวันตกทั้งหมด ได้แก่ โรงไฟฟ้าบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) โรงไฟฟ้าบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด โรงไฟฟ้าบริษัท ไตรเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด โรงไฟฟ้าพระนครใต้โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ และโรงไฟฟ้าราชบุรีเวิลด์

     ทั้งนี้ คาดว่าช่วงที่มีการหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือช่วงพีคจะอยู่ที่ 27,500 เมกะวัตต์ แต่ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจาก กฟผ.มีมาตรการรองรับไว้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบผลิตไฟฟ้า โดยจะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมพระนครเหนือชุดที่ 1 ซึ่งเดินเครื่องด้วยก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันออกได้ ประสานโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากลาว ให้เดินเครื่องเต็มความสามารถ รับซื้อไฟฟ้าในส่วนเพิ่ม (Enhance Capacity) จากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงอื่น ทดสอบเปลี่ยนเชื้อเพลิงดีเซลโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ได้รับผลกระทบให้มีความพร้อมสูงสุด ใช้น้ำมันเตา น้ำมันดีเซล เดินเครื่องทดแทนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง โดยคาดว่าต้องใช้น้ำมันเตา 142 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล46 ล้านลิตร

     นอกจากนี้ ได้มีการตรวจสอบสายส่งและอุปกรณ์สำคัญให้พร้อมใช้งานก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ และหยุดการบำรุงรักษาระบบส่งช่วงหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ ส่วนด้านเชื้อเพลิงนั้น ได้สำรองน้ำมันให้เพียงพอก่อนเริ่มหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ โดยโรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าราชบุรี ได้จัดเก็บน้ำมันเตาเต็มความสามารถ โรงไฟฟ้าอื่นที่ได้รับผลกระทบให้สำรองน้ำมันดีเซลอย่างน้อยเพื่อให้เดินเครื่องต่อเนื่องได้ 3 วัน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!