- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 26 March 2015 23:24
- Hits: 1803
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนตัวและเหตุการณ์การสู้รบในเยเมน
+ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเหตุที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ประกอบกับความกังวลของตลาดจากเหตุการณ์การสู้รบในประเทศเยเมนที่อาจจะส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันดิบได้ นอกจากนี้ยังได้มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายเพื่อเก็งกำไร ถึงแม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกันแล้วก็ตาม
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ปรับตัวอ่อนลง เนื่องจากตัวเลขยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ออกมาอย่างน่าผิดหวัง โดยได้ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.4 หลังจากเดือนก่อนหน้าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ซึ่งส่งสัญญาณว่า ภาคธุรกิจยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายอยู่ ในขณะที่ดัชนีบรรยากาศธุรกิจของเยอรมนีประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคมนี้มาอยู่ที่ระดับ 107.9 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ในส่วนดัชนีบรรยากาศธุรกิจของฝรั่งเศสประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป อยู่ที่ระดับ 99.0 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงได้ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อน้ำมันดิบ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีราคาถูกลงในสายตานักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
+ นอกจากนี้ เหตุการณ์การสู้รบในประเทศเยเมนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนราคาน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนได้มีความกังวลว่าหากเหตุการณ์สู้รบบานปลายไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลกจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
- สำหรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งประกาศโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ หรือ EIA ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่าน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 5.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ได้อยู่ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ เป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกันแล้ว
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งเวียดนามและเคนย่า รวมไปถึงสต็อกน้ำมันเบนซินของประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ประกอบกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเวียดนาม, แอฟริกาใต้ และเคนย่า
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจทั้งหก ที่กำลังเดินทางมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 31 มี.ค. นี้ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องบรรลุกรอบความตกลง และได้ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ภายในวันที่ 1 ก.ค. 58 โดยการเจรจามีจุดมุ่งหมายเพื่อจำกัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบของอิหร่าน ทั้งนี้สหรัฐฯ และกลุ่มชาติมหาอำนาจ ได้ยื่นข้อเสนอให้อิหร่านยอมรับเงื่อนไขการควบคุมโครงการนิวเคลียร์เป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร
การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/57 ของสหรัฐฯ ที่จะเป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่แสดงถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าตัวเลขที่ออกมาน่าจะมีทิศทางที่ค่อนข้างดี หลังตัวเลขภาคแรงงานในเดือนที่ผ่านมาออกมาดีเกินคาด
อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในเดือน มี.ค. นี้ หลังโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้