- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 09 June 2014 20:31
- Hits: 3370
PTT ชี้แจงข่าวลือใน'โซเชี่ยล มีเดีย' 6 ประเด็น ยันไม่ได้ผูกขาดพลังงาน-ไม่มีบัญชีลับในเกาะเคย์แมน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้จัดแถลงข่าวเพื่อชี้แจง 6 ประเด็นที่มีความเข้าใจผิดในโซเชี่ยลมีเดีย ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.เงินเดือนของตนเองที่เดือนละ 4.7 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะจากข้อมูลที่นักลงทุนหาได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯค่าตอบแทนผู้บริหารระดับสูงของปตท. 10 ราย รวมกันปี 2556 อยู่ที่ 69.02 ล้านบาท ซึ่งหารออกมาแล้วน้อยกว่าข้อมูลที่อยู่ในโซเชี่ยลมีเดีย
2. เรื่องการเปิดบัญชีลับบนเกาะเคย์แมน ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหากมีการเปิดบัญชีดังกล่าว ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผู้ตรวจสอบบัญชีของ ปตท. คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล ซึ่งหากพบมีการดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีความผิด สตง.ต้องตรวจเจออยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีประเด็นที่ สตง.ตรวจพบการทำความผิด
3. ปตท.ผูกขาดพลังงาน เพราะมีการเข้าใจผิดว่า ปตท.มีกำไรจำนวนมากจากธุรกิจน้ำมัน แต่จริงๆแล้ว ปตท. มีกำไรจากธุรกิจน้ำมัน ร้านค้าปลีก และร้านกาแฟ เพียง 15-16% เท่านั้น หรือคิดเป็นประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน ปตท. มีตัวแทนการตลาดธุรกิจน้ำมันสัดส่วนเพียง 39% ซึ่งไม่สามารถผูกขาดได้ เนื่องจากมีผู้ประกอบการค้าน้ำมันรายใหญ่ๆถึง 41 ราย ซึ่งราคาน้ำมัน ปตท.ก็อิงจากภาวะตลาดสิงคโปร์ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
4.ประเทศไทยมีน้ำมันมหาศาล ไม่เป็นความจริง เพราะจากข้อมูลของกระทรวงพลังงานและบริษัทที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบน้ำมันพบว่า มีน้ำมันและก๊าซที่เหลือใช้ได้เพียง 7 ปีเท่านั้น และแหล่งในการขุดเจาะขนาดเล็ก ทำให้ ปตท.ต้องไปซื้อแหล่งน้ำมันในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กำไรของ ปตท. เข้าไปซื้อ โดยเห็นได้จากข่าวที่ผ่านมาที่มีการซื้ออย่างต่อเนื่อง
5. ขาย LPG ให้กับโรงงานปิโตรเคมีโดยไม่เสียภาษี ซึ่งจริง ๆแล้วการขาย LPG ให้กับภาคปิโตรเคมีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้านั้นจะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ส่วนการขาย LPG เพื่อใช้เป็นพลังงานจะเสียทั้งภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้ต้นทุนของผู้ซื้อ LPG เพื่อใช้เป็นพลังงานสูงกว่าการขาย LPG ให้กับโรงงานปิโตรเคมี การที่มีคนมองว่าจะให้มีการเก็บภาษีกับโรงงานปิโตรเคมีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบนั้นส่วนตัวมองว่าไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการปลายน้ำรับต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ได้จนต้องปิดกิจการไป
6. การปรับโครงสร้างธุรกิจน้ำมัน ปัจจุบันปตท. ได้มีการหารือกันภายในว่าจะมีการเปลี่ยนแบรนด์ในการขายน้ำมัน หรือจะมีการแยกธุรกิจน้ำมันออกมาจากปตท.แล้วนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าใจผิดว่า ปตท.มีกำไรจากธุรกิจน้ำมันปีละ 1 แสนล้านบาท หลังจากมีกระแสข่าวในสื่อออนไลน์ว่า ปตท. มีการผูกขาดน้ำมัน ทั้งนี้คาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอบอร์ดพิจารณาให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ต้องรอ คสช. พิจารณาว่าจะมีการปฏิรูปอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องราคาพลังงานควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาดและจากกระแสข่าวที่จะมีการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ส่วนตัวมองว่าควรที่จะมีกองทุนน้ำมันต่อไป เนื่องจากกองทุนน้ำมันจะช่วยให้ภาครัฐมีเครื่องมือในการป้องกันการขาดแคลนน้ำมันในช่วงวิกฤตและลดความผันผวนของราคาน้ำมันได้ เพราะหากมีการยกเลิกจะส่งผลให้ราคา LPG ปรับตัวสูงขึ้นทันที และมีผลทำให้ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย