- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 11 February 2015 18:27
- Hits: 2096
ราคาน้ำมันดิบลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสี่วันจากวันศุกร์ที่ผ่านมา หลัง IEA เตือนปริมาณอุปทานน้ำมันดิบยังคงสูงอยู่
-ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกรอบ 4 วัน หลังองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประกาศเตือนว่าสถานการณ์น้ำมันดิบล้นตลาดในขณะนี้จะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกเพิ่มขึ้น โดย IEA ได้รายงานว่า ปริมาณน้ำมันคงคลังในกลุ่มสมาชิกขององค์การทางความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดว่าจะสูงถึง 2.83 ล้านบาร์เรลในช่วงกลางปี 2558 นี้ เป็นการส่งสัญญาณถึงนักลงทุนไม่ให้คาดหวังต่อราคาน้ำมันว่าจะปรับตัวดีขึ้นมากนัก นอกจากนี้ถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดการลงทุนทางด้านบริษัทขุดเจาะน้ำมันต่างๆ ตลาดยังต้องใช้เวลาในการที่จะลดอุปทานน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
+/- อย่างไรก็ดี IEA ยังคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบจากกลุ่ม OPEC ในปี 2558 ว่าจะคงตัวอยู่ที่ 29.4 ล้านบาร์เรลต่อ ในขณะที่คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากOPEC จะเพิ่มขึ้นในปี 2559 มาอยู่ที่ 29.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบของนอกกลุ่มประเทศ ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา
+/- สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณนํ้ามันดิบคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 413.7 ล้าน บาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นที่ 3.7 ล้าน ขณะที่การนำเข้านํ้ามันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ราว 797,000 บาร์เรลต่อวัน มาสู่ระดับ 6.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ปริมาณนํ้ามันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นํ้ามันดีเซลคงคลังก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 497,000 บาร์เรล สวนทางที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง
- ดัชนีราคาผู้บริโภคจีนเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ 0.8% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.0% จึงตอกย้ำถึงสัญญาณความอ่อนแอที่พบตั้งแต่เดือน พ.ย. 2552 ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตจีนเดือน ม.ค. ปรับลดลงจากปีที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ -4.3 % ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ -3.8% ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจบอกถึงสภาพของจีนที่ไม่สู้ดีนัก โดยข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของจีนลดลงอย่างมากในเดือน ม.ค. 2558
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์จากบางประเทศที่โรงกลั่นทำการปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงซบเซาจากปริมาณอุปทานที่ล้นตลาดอยู่ในขณะนี้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดจะยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจีนจะลดการส่งออกน้ำมันเบนซินลงแต่ปริมาณการส่งออกคาดว่าจะกลับมาหลังช่วงตรุษจีน
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาเศรษฐกิจของยูโรโซน ซึ่งกรีซกำลังเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่าจะไม่ยอมรับการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เพื่อระดมทุนครั้งใหม่ เนื่องจากพันธบัตรของรัฐบาลกรีซอยู่ในระดับ “ขยะ” (junk) ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ ECB ซึ่งท่าทีล่าสุดของ ECB ได้สร้างความวิตกกังวลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บีพี และ เชฟรอน รวมถึงบริษัทน้ำมันอื่นๆ เริ่มปรับลดงบประมาณการลงทุนในปีนี้ เพื่อรับมือกับภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าจะมีการชะลอการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อุปทานส่วนเกินของน้ำมันดิบลดลง และหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นได้
ติดตามการประท้วงโดยสหภาพแรงงานของโรงกลั่นน้ำมัน 9 แห่งในสหรัฐฯ หลังจากการเจรจาด้านแรงงานระหว่างแกนนำสหภาพและโรงกลั่นน้ำมันยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ส่งผลให้ไม่สามารถต่อสัญญาจ้างงานฉบับใหม่กับบริษัทน้ำมันได้ โดยสาเหตุมาจากความไม่พอใจ เหตุโรงกลั่นไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตของแรงงาน โดยการประท้วงครั้งนี้ ถือเป็นการหยุดงานประท้วงของแรงงานโรงกลั่นน้ำมันทั่วประเทศครั้งแรก และใหญ่ที่สุดในรอบ 35 ปี ซึ่งกระทบต่อกำลังการกลั่นน้ำมันของสหรัฐถึงร้อยละ 10 และส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสูงขึ้น