- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 09 February 2015 22:29
- Hits: 1960
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น จากการขุดเจาะน้ำมันดิบของโลกที่ลดลงต่อเนื่อง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจาก Baker Huges เปิดเผยข้อมูลการขุดเจาะน้ำมันดิบของโลกที่ลดลงต่อเนื่อง โดยปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบทั่วโลกในเดือน ม.ค. 58 โดยเฉลี่ยลดลงกว่า 261 หลุม เหลือเพียง 3,309 จาก 3,570 หลุม ในเดือน ธ.ค. 57 สอดคล้องกับปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของโลกที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นการส่งสัญญาณว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำกำลังทำให้หลายบริษัทชะลอการผลิตน้ำมันดิบลง
+ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 257,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 230,000 ราย โดยตัวเลขการจ้างงานในเดือน ม.ค.นี้ ถือเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ราย นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือน พ.ย.และ ธ.ค. 57 โดยปรับเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ ในขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สู่ระดับ 5.7% จาก 5.6% ในเดือน ธ.ค. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปี หลังจากที่คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำที่ 0 - 0.25 % มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 51
+ ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีบ่อน้ำมัน อัล มับรูก (Al-Mabrook) ในลิเบีย และได้สังหารคนงานไปทั้งสิ้น 13 ชีวิต เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ กำลังผลิตน้ำมันดิบของลิเบียลดลงเหลือเพียงประมาณ 350,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ธ.ค. 57 หลังจากเครือข่ายกลุ่มกบฎติดอาวุธได้บุกโจมตีคลังน้ำมันส่งออกน้ำมัน เอส ไซเดอร์ (Es Sider) นอกจากนี้ กลุ่มไอเอส (IS) ซึ่งเข้ายึดครองอาณาเขตในอิรักและซีเรียมีแนวโน้มที่จะขยายอิทธิพลเข้าไปถึงดินแดนของลิเบีย
- ซาอุดีอาระเบีย เริ่มต้นสงครามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในเดือน ก.พ. นี้ โดยประกาศลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกไปยังตลาดเอเชีย เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างผู้ส่งออกน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจาก Reuters เปิดเผยว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของภูมิภาค เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากเดือน ธ.ค. 57 สู่ระดับ 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ม.ค. 58 ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตจากตะวันออกกลางในเดือน ม.ค. 58 ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.7 จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ร้อยละ 53.9
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม อุปทานยังคงล้นตลาด หลังโรงกลั่นในสิงคโปร์และเกาหลีใต้เพิ่มอัตราการกลั่นสูงขึ้น เนื่องจากได้รับแรงจูงใจจากส่วนต่างระหว่างน้ำมันดิบและน้ำมันดีเซลที่มีแนวโน้มดี
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย โดยตลาดคาดว่าการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียเหนือในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีจะช่วยลดอุปทานส่วนเกินที่ยังคงล้นตลาดจากผู้ผลิตภายในภูมิภาคและยุโรป นอกจากนี้ ตลาดคาดว่าปริมาณอุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสิ้นสุดฤดูหนาว
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาเศรษฐกิจของยูโรโซน ซึ่งกรีซกำลังเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่าจะไม่ยอมรับการใช้พันธบัตรรัฐบาลกรีซมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เพื่อระดมทุนครั้งใหม่ เนื่องจากพันธบัตรของรัฐบาลกรีซอยู่ในระดับ “ขยะ” (junk) ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ ECB ซึ่งท่าทีล่าสุดของ ECB ได้สร้างความวิตกกังวลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยูโรโซน ส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บีพี และ เชฟรอน รวมถึงบริษัทน้ำมันอื่นๆ เริ่มปรับลดงบประมาณการลงทุนในปีนี้ เพื่อรับมือกับภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าจะมีการชะลอการลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อุปทานส่วนเกินของน้ำมันดิบลดลง และหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นได้
ติดตามการประท้วงโดยสหภาพแรงงานของโรงกลั่นน้ำมัน 9 แห่งในสหรัฐฯ หลังจากการเจรจาด้านแรงงานระหว่างแกนนำสหภาพและโรงกลั่นน้ำมันยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ส่งผลให้ไม่สามารถต่อสัญญาจ้างงานฉบับใหม่กับบริษัทน้ำมันได้ โดยสาเหตุมาจากความไม่พอใจ เหตุโรงกลั่นไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตของแรงงาน โดยการประท้วงครั้งนี้ ถือเป็นการหยุดงานประท้วงของแรงงานโรงกลั่นน้ำมันทั่วประเทศครั้งแรก และใหญ่ที่สุดในรอบ 35 ปี ซึ่งกระทบต่อกำลังการกลั่นน้ำมันของสหรัฐถึงร้อยละ 10 และส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสูงขึ้น