- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 03 February 2015 23:00
- Hits: 1814
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความกังวลต่อตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในอเมริกาลดต่ำกว่าคาด
+ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยละ 11 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลต่อเนื่องหลังจากมีรายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะที่ปรับลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีรายงานการปรับลดตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในอเมริการเหนือลงถึง 94 หลุมและลดลงมากที่สุดในรอบ 30 ปีด้วยกัน รวมถึงนักลงทุนมีความเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบได้ผ่านระดับต่ำสุดแล้วถึงแม้ว่าปัจจัยด้านอื่นๆ ยังไม่สนับสนุนราคาน้ำมันดิบให้เพิ่มมากนัก ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาในตลาดเพื่อทำการซื้อ-ขายทำกำไรมากขึ้น
- แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา จากบริษัท Genscape ว่าจะปรับเพิ่มมากขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ มีปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมถึงนักลงทุนผิดหวังกับตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศและดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา
-/+ พนักงานในโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 9 แห่งของสหรัฐฯ ซึ่งเทียบเท่ากับร้อยละ 10 ของกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ได้ทำการประท้วงหยุดงานเพื่อเรียกร้องให้มีการเพิ่มเงินเดือนขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 60 ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปี 57 ที่ผ่านมา ทำให้โรงกลั่นน้ำมันต่างๆ พยายามจะลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง แต่อย่างไรก็ตามการหยุดประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้มีความกังวลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันเบนซินว่าจะมีปริมาณลดลง จึงทำให้ตลาดจับตามองราคาน้ำมันเบนซินว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น
- ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ISM PMI เดือน ม.ค. ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 53.5 ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 54.5 โดยมีสาเหตุหลักมาจากตัวเลขการสั่งซื้อเพื่อส่งออกมีปริมาณลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 55 แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขที่ประกาศออกมามากกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมีการขยายตัว ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ Markit PMI เดือน ม.ค. ทรงตัวอยู่ที่ระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้าที่ 53.9 และใกล้เคียงกับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 54.0 สาเหตุจากค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากปริมาณอุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูง สาเหตุจากโรงกลั่นต่างๆ ได้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นจึงทำให้มีปริมาณน้ำมันดีเซลส่งออกมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่อุปสงค์ก็ยังคงซบเซาเนื่องจากเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเซียไม่ค่อยสู้ดีนัก
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีอุปทานคงเหลือในตลาดภูมิภาคเอเซียในปริมาณที่มากอยู่ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าจะมีอุปสงค์จากทางด้านอเมริกาเหนือมากขึ้นเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากกรีซได้เผยผลการเลือกตั้งเบื้องต้นว่า พรรคฝ่ายซ้ายหรือพรรคไซรีซาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งของกรีซครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อทั้งกรีซและสหภาพยุโรป เนื่องจากนโยบายหลักของพรรคไซรีซานั้นคือ การต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดจากโปรแกรมช่วยเหลือด้านการเงินของสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ทำให้ตลาดมีความกังวลว่ากรีซจะยุติมาตราการความช่วยเหลือจาก
ไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรปและตามมาด้วยการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งนั่นหมายถึงระบบสกุลเงินยูโรจะเสื่อมค่าลง
ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นี้ ECB จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการซื้อพันธบัตรคืน หรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวนอย่างน้อย 1.1 ล้านล้านยูโร และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโรเอาไว้ที่ 0.05% ตามเดิม
ติดตามวิกฤติเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังบริษัท Standard & Poor’s (S&P) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัสเซีย สู่ระดับขยะ (Junk Bonds)