- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 02 February 2015 21:04
- Hits: 2509
ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า 3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เหตุรายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในอเมริกาเหนือลดต่ำกว่าคาด
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสดีดตัวพุ่งขึ้นกว่า 3 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล หลังมีบริษัท Baker Hughes รายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในอเมริกาเหนือสัปดาห์ที่แล้วปรับลดลงกว่า 94 หลุม หรือลดลงกว่า 7% โดยบริษัทรายงานว่าจำนวนหลุมขุดเขาะน้ำมันดิบมีการปรับลดลงแล้วกว่า 24% หลังขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับแต่ปี พ.ศ. 2530
+ รายงานตัวเลขหลุมขุดเจาะที่มีแนวโน้มปรับลดลงมากกว่าคาดครั้งนี้ ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากกลับเข้ามาในตลาดเพื่อซื้อ-ขายทำกำไร กันอย่างคึกคัก ทั้งผู้เล่นหลายรายมองว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มปรับลดลงเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันในตอนนี้ยังถือว่ามีอุปทานล้นตลาดอยู่ราว 2 ล้านบาร์เรล ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกเดือน ม.ค. ยังปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.37 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้วย
- ตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 2558 และ 2559 ประจำเดือน ม.ค. 58 ของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่มีการเก็บข้อมูลจากแหล่งวิเคราะห์ด้านพลังงานกว่า 33 แห่ง พบว่าคาดการณ์ราคาน้ำมันปรับลดลงกว่าตัวเลขเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้วมาก โดยราคาน้ำมันเบรนท์ปี 58 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 58.3 เหรียญฯ ลดลงจาก 74 เหรียญฯ ที่คาดไว้เมื่อเดือน ธ.ค. และเฉลี่ยที่ 69.8 ในปี 59 ขณะที่ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสคาดว่าจะเฉลี่ยที่ระดับ 54.2 เหรียญฯ ลดลงจาก 68.7 เหรียญฯ ที่คาดไว้เมื่อเดือน ธ.ค. และเฉลี่ยที่ 64.9 ในปี 59
- จีดีพีไตรมาส 4/57 ของสหรัฐฯ ที่มีการประกาศครั้งแรกเมื่อวันศุกที่ผ่านมา มีการขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.6% จากไตรมาส 3/57 ที่เติบโตที่ระดับ 5.0% และถือว่าออกมาน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 3.0% โดยตัวเลขที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากภาคการลงทุนทางธุรกิจที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภายในประเทศถือว่ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยการใช้จ่ายของชาวอเมริกันไตรมาส 4/57 ซึ่งคิดเป็น 60% ของจีดีพีประเทศ มีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.3% สูงที่สุดนับแต่ไตรมาส 1/49 และมากขึ้นกว่า 3.2% ในไตรมาส 3/57 ด้วย นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 98.1 ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 9 ปี และสูงกว่า 93.6 เมื่อเดือน ธ.ค. ด้วย
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดมองว่าอุปทานในภูมิภาคอาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันเบนซินและโรงกลั่นหลายแห่งในเอเชียในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าอุปทานจากโรงกลั่นใหม่ในตะวันออกกลางที่คาดว่าจะเข้ามาในตลาดเต็มที่ในเดือน มี.ค. นี้อาจมีปริมาณมากเกินความต้องการใช้ในภูมิภาคได้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานนำมันดีเซลในภูมิภาคที่ยังคงล้นตลาด่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ลัปดาห์ที่ผ่านมายังคงปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ ขณะที่อุปทานน้ำมันดีเซลจากโรงกลั่นใหม่ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มจะล้นเข้ามาในเอเชียด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงซื้อจากผู้เล่นในอินเดียและจียเข้ามาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากกรีซได้เผยผลการเลือกตั้งเบื้องต้นว่า พรรคฝ่ายซ้ายหรือพรรคไซรีซาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งของกรีซครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อทั้งกรีซและสหภาพยุโรป เนื่องจากนโยบายหลักของพรรคไซรีซานั้นคือ การต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดจากโปรแกรมช่วยเหลือด้านการเงินของสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ทำให้ตลาดมีความกังวลว่ากรีซจะยุติมาตราการความช่วยเหลือจาก
ไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรปและตามมาด้วยการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งนั่นหมายถึงระบบสกุลเงินยูโรจะเสื่อมค่าลง
ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่นี้ ECB จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการซื้อพันธบัตรคืน หรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวนอย่างน้อย 1.1 ล้านล้านยูโร และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโรเอาไว้ที่ 0.05% ตามเดิม
ติดตามวิกฤติเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังบริษัท Standard & Poor’s (S&P) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัสเซีย สู่ระดับขยะ (Junk Bonds)