- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 02 February 2015 20:59
- Hits: 2079
ฟ้องศาลปกครอง เบรกมติขึ้น LPG ขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน
แนวหน้า : ฟ้องศาลปกครอง เบรกมติขึ้นLPG ขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน ‘วัชระ’ชี้คนเดือดร้อน นักลงทุนกลับรวยอื้อ ฟาดกำไร2หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับประชาชนในนามกลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้เดือดร้อน จากแก๊สแพง กล่าวถึงมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่ให้ขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีที่โรงแยกก๊าซจากราคา 333 เหรียญต่อตัน เป็น 488 เหรียญต่อตัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558
โดยนายวัชระกล่าวว่า ตนและคณะได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558 ขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อระงับการประกาศใช้ เนื่องจากมติดังกล่าวทำให้ประชาชนเดือดร้อนทั่วประเทศต้องซื้อก๊าซแพงขึ้น 6 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 10 บาท เป็น 16 บาท ในขณะที่เอกชนรายใหญ่มีกำไรเพิ่มขึ้นวันละ 52 ล้านบาท หรือปีละ 18,980 ล้านบาท
“มติ กบง. เป็นการบังคับให้ประชาชนต้องจ่ายค่าแก๊สแพงอย่างไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดความเสียหาย เดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไปทั้งเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง หากปล่อยให้มติดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะเกิดความเสียหายที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จึงขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินกำหนดวิธีการชั่วคราวระงับการบังคับใช้มติ กบง.ดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา ซึ่งตนได้ยื่นคำขอให้ศาลเพิกถอนมติ กบง.ด้วย” นายวัชระกล่าว
นอกจากนี้ นายวัชระ กล่าวอีกว่า อีกทั้งตนได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานทั้งชุด โดยยึดตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่55/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ซึ่งมี พล.อ.อ.ประจินต์ จั่นตอง รองหัวหน้าคสช.หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธาน และมี ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้อำนวยการเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายพลังงานและแผนพลังงาน เป็นกรรมการ
“ผมยังรู้สึกแปลกใจที่นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน อ้างว่าเป็นประธาน กบง.ทั้ง ๆ ที่ตามโครงสร้างดังกล่าวไม่มีชื่อนายณรงค์ชัยเกี่ยวข้อง และคำสั่งคสช.นี้ก็ไม่เคยยกเลิก และเป็นที่น่าสังเกตว่ามติดังกล่าวไม่มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต มีแต่การรายงานข่าวทางสื่อมวลชนจึงถือว่าเป็นการบริหารที่ไร้ธรรมาภิบาล ไม่เป็นธรรม ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งที่ก๊าซ ณ โรงแยกก๊าซเป็นทรัพยากรของประเทศประชาชนต้องซื้อในราคาที่เป็นธรรม ประกอบกับต้นทุนไม่ได้สูงขึ้น ทำให้ผลประโยชน์ตกอยู่ในมือเอกชนรายใหญ่แต่ความเดือดร้อนอยู่กับประชาชน” นายวัชระกล่าว
อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ราคาแอลพีจีในตลาดโลกไม่เกิน 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยสามารถซื้อในราคาคงที่ทั้งปี การกำหนดราคาหน้าโรงแยกก๊าซที่ 488 เหรียญต่อตัน จึงเป็นมติที่ขัดต่อคำสั่ง คสช.เรื่องการควบคุมอำนาจการปกครองที่ว่าเพื่อการปฏิรูปให้เป็นธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย และขัดต่อคำแถลงนโยบายของครม.ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อ สนช.ว่า การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับต้นทุน และการส่งเสริมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ตนยืนยันว่าการฟ้องดังกล่าวาไม่ได้มีอคติโดยยังสนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่สนับสนุนการขึ้นราคาแก๊สแอลพีจี จึงต้องขอพึ่งบารมีให้ศาลปกครองคืนความสุขให้คนไทย