- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 23 January 2015 21:15
- Hits: 2445
ราคาดีเซล ยังขาลงไม่หยุดจับตานโยบาย 'ณรงค์ชัย'กองทุนน้ำมันมีกว่า 2 หมื่น ล.
บ้านเมือง : สนพ.เผย แนวโน้มราคาดีเซลปรับลดลงต่อเนื่อง มากน้อยอย่างไร ต้องจับตานโยบาย'ณรงค์ชัย อัครเศรณี' เผยกองทุนน้ำมันปัจจุบันมีเงินกว่า 2 หมื่นล้าน ที่ กพช.ประชุม 4 ก.พ. กำหนดอัตราอุดหนุนโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ส่วนเอสพีพีส่อสัญญาณลดปริมาณรับซื้อ และการต่ออายุสัญญาเหตุสำรองไฟฟ้าต้องดูความต้องการประกอบ
นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลในประเทศจะปรับลดลงอีกจากราคาในเขต กทม.-ปริมณฑล ที่ 25.49 บาท/ลิตร จากค่าการตลาดที่สูงกว่า 2 บาทต่อลิตร เป็นผลจากทั้งราคาตลาดโลกที่ลดลง และเรื่องการปรับสูตรราคาไบโอดีเซลจากบี 7 เป็นบี 3.5 เพราะราคาไบโอดีเซลบี 100 อยู่ที่กว่า 35-38 บาท/ลิตร แต่ราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่นฯ อยู่ที่ประมาณ 13 บาท/ลิตรเท่านั้น จึงทำให้ต้นทุนของน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าปั๊มลดลงได้ประมาณ 60 สตางค์/ลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาดีเซลจะลดลงมากน้อยแค่ไหน ในขณะนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน ว่าจะเก็บหรือลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร โดยล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ มีประมาณ 21,000 หมื่นล้านบาท
"ราคากลุ่มเบนซิน เมื่อดูค่าการตลาดประกอบความผันผวนของราคาน้ำมันตลาดโลกแล้วยังไม่มีทิศทางที่จะปรับลดลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ราคาดีเซลมีแนวโน้มปรับลดราคาลงได้ ส่วนจะมีการปรับโครงสร้างดีเซลด้วยการขึ้นภาษีดีเซลจาก 3.25 บาท เป็นประมาณ 4-5 บาท/ลิตร จะขึ้นเมื่อใด ก็กำลังทำความเข้าใจกับกรมสรรพสามิตว่าจะปรับแล้ว ไม่สร้างกระทบต่อผู้ประกอบการน้ำมัน เพราะการโยกเงินกองทุนน้ำมันเป็นภาษีรอบที่แล้วกรมสรรพสามิตคิดภาษีน้ำมันคงเหลือเป็นอัตรากว่า 2 พันล้านบาท กระทบผู้ประกอบการทั้งที่ไม่ได้มีรายได้เพิ่มจากนโยบายรัฐแต่อย่างใด" นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานจะพิจารณาเรื่องอัตราอุดหนุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมซึ่งจะกำหนดในรูปแบบ FIT ในอัตรา 5-6 บาท/หน่วย และมีค่าพรีเมียมในส่วนที่ผลิตไฟฟ้าได้ยากประมาณ 1 บาท/หน่วย มีสัดส่วนรับซื้อประมาณ 50 เมกะวัตต์ จากที่รัฐกำหนดรับซื้อไฟฟ้าขยะรวม 400 เมกะวัตต์ และขณะนี้มีผู้เสนอโครงการมาแล้ว 200 เมกะวัตต์
นายชวลิต กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มบิดดิ้ง หรือเปิดประมูลแข่งขันพลังงานทดแทนในส่วนที่เหลือตามเป้าหมายส่งเสริมพลังงานตามแผนเดิมได้ หลังจากขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. อยู่ในระหว่างร่างระเบียบบิดดิ้ง โดยในส่วนที่จะรับซื้อเพิ่มเติม ได้แก่ ไฟฟ้าขยะ. 200 เมกะวัตต์ ไฟฟ้า ชีวภาพ 300 เมกะวัตต์ ไฟฟ้า ชีวมล ประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ ส่วนพลังงานลมและแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซลาร์ฟาร์มยังไม่มีแผนรับซื้อเพิ่มเติมเพราะมีผู้เสนอขายเต็มจำนวนแล้ว โซลาร์ฟาร์มที่จะผลิตเพิ่มเติมจะมีเพียงของส่วนราชการและสหกรณ์ อีก 800 เมกะวัตต์ เท่านั้น
นายชวลิต ยังกล่าวถึงการต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพีที่ทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2560 ว่า ในขณะนี้ได้ให้ผู้ประกอบการไปทำแผนมาเสนอ โดยให้หลักเกณฑ์ไปว่า การต่ออายุ หรือรับซื้อใหม่จะคำนึงจากปริมาณไอน้ำที่ขายให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลักแล้วคำนวณย้อนมาเป็นปริมาณไฟฟ้า คงไม่สามารถซื้อไฟฟ้าได้หมดในปริมาณเดิมที่เคยขายไว้ เนื่องจากในสำรองไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2560-2565 มีมากกว่ามาตรฐาน หรือกว่าร้อยละ 20 หากซื้อมาเกินไปจะเป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าประชาชน โดยในส่วนค่าไฟฟ้าที่เอสพีพีเสนอขายก็ต้องปรับลดลงด้วย เพราะไม่ต้องก่อสร้างท่อก๊าซและสายส่งใหม่แต่อย่างใด โดยสำรองไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็มาจากายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว แผนอนุรักษ์พลังงาน และการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าวทั้งไอพีพี/เอสพีพี
ด้านนายสุชาลี สุมามาลย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวในงานสัมมนาเชิงวิชาการ "มองทิศทางพลังงานไทย" ว่า แผนพัฒนา PDP 2015 ได้จัดทำขึ้น โดยยึดหลักการสำคัญ 3 ด้าน คือ 1) ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ที่ต้องการจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ และต้องใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป 2) ด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องการให้มีการใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน AEC ของประเทศไทย
3) ด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต้องการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยแผนพัฒนา PDP 2015 ได้มีการปรับกรอบให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับแผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานไฟฟ้า
สนพ.บีบปั๊มลดค่าการตลาดน้ำมันขนส่งลั่นไม่ให้แท็กซี่สุวรรณภูมิขึ้นราคา
ไทยโพสต์ : วิภาวดีรังสิต * สนพ.คาดราคาน้ำมันตลาดโลกทรงตัว ชี้ราคาน้ำมันดีเซลถึงจุดต่ำสุดได้ 25 บาทต่อลิตร เล็งพิจารณาสั่งลดราคาหน้าปั๊มอีก หลังค่าการตลาดพุ่ง 2.30 บาทต่อลิตร 'ขนส่ง' ยืนยันไม่ให้ขึ้นค่าแท็กซี่ 'สุวรรณภูมิ'
นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนัก งานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.ได้ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกถึงกลางปี 2558 โดยคาดว่าจะทรงตัวระดับ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบันที่ราคาน้ำมันดูไบอยู่ที่ 47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิต น้ำมันโลกยังสูงกว่าความต้องการใช้ ประ กอบกับสหรัฐผลิตน้ำมันชั้นหินดินดาน (ออยล์ เชลล์) ออกสู่ตลาดจำนวนมาก เป็นผลให้ราคาน้ำมันทรงตัวระดับต่ำต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำมันดีเซลในประเทศนั้น พบว่าหากราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ จะทำให้ราคาดีเซลอยู่ที่ 25 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้ราคาดีเซลในประเทศอยู่ที่ 25.49 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่ต่ำสุดแล้ว แต่ยังมีโอกาสที่ดีเซลจะแตะระดับต่ำสุดที่ 25 บาทต่อลิตรได้ เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (บี 100) จากที่ผสมอยู่ 7% เหลือ 3.5% ของน้ำมันดีเซลทุกลิตร และจะส่งผลให้ราคาดีเซลต่ำลงได้ 60 สตางค์ต่อลิตร
สำหรับ ปัจจุบันค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยทุกชนิดสูงถึง 2.30 บาทต่อลิตร จากที่ควรได้ 1.50 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำ มันโลกปรับลดลง ดังนั้น สนพ.กำลังพิจารณาที่จะให้ค่ายน้ำมันปรับลดราคาหน้าปั๊มลง เพื่อให้ค่าการตลาดอยู่ระดับที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดี เซลนั้น กระทรวงพลังงานกำลังอยู่ระหว่างเตรียมปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต โดยโยกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปเป็นภาษีดีเซล ซึ่งจะไม่ทำให้ราคาหน้าปั๊มเปลี่ยนแปลง โดยเห็นว่าภาษีน้ำมันแต่ละชนิดควรเท่าเทียมกัน ปัจจุบันภาษีเบนซินโซฮอล์ถูกเก็บอยู่ประ มาณ 5 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเก็บอยู่ 3.25 บาทต่อลิตร ดังนั้นอัตราภาษีดีเซลควรต้องปรับขึ้นให้อยู่ระดับ 4-5 บาทต่อลิตร
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงกรณีกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่สุวรรณภูมิ เรียกร้อง ให้กรมการขนส่งทางบกและกระทรวงคม นาคมพิจารณาปรับเพิ่มค่าโดยสารแท็กซี่ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยให้เหตุผลเรื่องอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไม่เป็นธรรมว่า ขอยืนยันว่าการคิดคำนวณค่าโดยสารของแท็กซี่มิเตอร์ กรมการขนส่งทางบกได้พิจารณาครอบคลุมไปถึงการให้บริการของแท็กซี่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ต้องให้บริการผู้โดยสารในต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี หรือพัทยา ซึ่งจะมีการคำนวณเผื่อการขับรถเปล่าที่ไม่มีค่าโดยสารตอนกลับมาด้วย ดังนั้นอัตราค่าโดยสารที่กำหนด จึงครอบคลุมการให้บริการรถแท็กซี่ทุกกลุ่มทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นอกจากเก็บรายได้ตามมิเตอร์แล้ว แท็กซี่สุวรรณภูมิยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมอีกเที่ยวละ 50 บาท ถือว่าคุ้มต้นทุนการให้บริการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยืนยันว่าการให้บริการแท็กซี่สุวรรณภูมิจะต้องกดมิเตอร์ทุกครั้ง ตามประกาศของกระทรวงคมนาคม มิฉะนั้นจะมีความผิดทั้งถูกปรับ และหากทำผิดซ้ำจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการเรียกร้องขอเก็บค่าสัมภาระของผู้โดยสารเพิ่มนั้น เรื่องนี้กรมการขนส่งทางบกขอเวลาศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อน.