- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 15 January 2015 00:44
- Hits: 3224
ก.พลังงานรอ'สปช.'ส่งรายงาน ยันเดินหน้าสัมปทานปิโตรเลียม
แนวหน้า : นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงานและ สมาชิกสภาปฎิรูปด้านพลังงาน(สปช.) เปิดเผยว่า ได้หารือและรายงานถึงกรณีมติ สปช.130 ต่อ 79 คะแนน ที่ไม่เห็นด้วยข้อเสนอคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สปช. เสียงข้างมาก ให้เดินหน้าสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ต่อนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในช่วงเช้าวันนี้(14ม.ค.) ซึ่งรมว.ยังไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงใด กระทรวงพลังงาน จึงพร้อมที่จะเดินหน้าตามกรอบเดิม
"คงต้องรอให้ สปช.ส่งรายงานผลสรุปอย่างเป็นทางการมาก่อน หลังจากนั้นจะดูข้อเสนอต่างๆ แต่หลักการปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะกระทรวงพลังงานมีหน้าที่บริหารและมีหน้าที่รับฟังจากสปช. ทางกระทรวงพลังงานพร้อมเดินหน้าตามรัฐบาล โดยการศึกษาเรื่องนี้เป็นไปตามที่รัฐบาลส่งมาให้ สปช.ศึกษาหลังประกาศปิดสัมปทานรอบ 21ไปเมื่อวันที่ 21 ต.ค.57 และเห็นว่า สัมปทานรอบ21 ควรเปิดตามที่ประกาศไปแล้วเพราะเป็นเรื่องจำ" นายคุรุจิตกล่าว
นายคุรุจิต กล่าวว่า ทาง สปช.พลังงาน ศึกษา 3 ประเด็น คือ 1.ให้เปิดสัมปทานรอบ 21 ใช้ระบบสัมปทานประเทศระบบที่ 3 หรือไทยแลนด์ทรี 2.ยกเลิกสัมปทาน21แล้วให้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตหรือพีเอสซี และ 3.เปิดสัมปทานรอบ 21 ใช้ระบบสัมปทานไทยแลนด์ทรีพลัส หรือระบบที่ 3 พิเศษ และให้ศึกษาระบบพีเอสซีว่าสมควรจะใช้ในการประกาศเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบต่อไปหรือไม่ ซึ่ง สปช.พลังงานได้เลือกข้อสรุปที่ 3 ส่งต่อให้รัฐบาล
นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรรมาธิการพลังงานได้ทำการศึกษาตามที่รัฐบาลให้ดำเนินการเมื่อศึกษาเสร็จก็ส่งให้รัฐบาลว่าจะตัดสินใจอย่างไรเรื่องนี้ แต่ ณ ขณะนี้การเปิดสัมปทานรอบ 21 ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงยังคงเป็นไปตามมติ ครม.โดยจะปิดรับข้อเสนอในวันที่ 18 ก.พ.58 เช่นเดิม โดยมีผู้สนใจมาขอดูข้อมูลทั้งรายเก่าและรายใหม่นับสิบราย ซึ่งจะมีการยื่นขอมากน้อยแค่ไหนคงจะต้องรอดูช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดรับข้อเสนอ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดไม่ได้เป็นการเร่งรีบเพราะได้เตรียมการเปิดมาตั้งแต่ปี 2553 ด้วยเหตุที่ไทยต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นแต่การจัดหาในประเทศเริ่มน้อยลงดังนั้นการเปิดสัมปทานฯครั้งนี้จึงเป็นการเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศที่ปัจจุบันไทยก็ต้องพึ่งพิงการนำเข้าพลังงานกว่า 50% ของความต้องการใช้ภาพรวมหรือคิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 1.44 ล้านล้านบาท
นางพวงทิพย์ กล่าวว่า ระบบสัมปทานรอบ 21 ผลประโยชน์ของรัฐไม่น้อยกว่าพีเอสซี โดยแบ่งปันผลประโยชน์ของรัฐและเอกชนในสัดส่วน 72% ต่อ 28% หลังหักจากค่าใช้จ่ายไปแล้ว และการดำเนินการไม่ซ้ำซ้อน โปร่งใสกว่าเพราะทุกอย่างเป็นไปตามที่รัฐประกาศ แต่พีเอสซีต้องแก้กฏหมายตั้งองค์กรใหม่มาเจรจารายสัญญากับเอกชน หลังอนุมัติโครงการแล้วทุกสัญญาของเอกชนที่จะไปว่าจ้างต่อต้องขอความเห็นชอบจากองค์กรใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น ซึ่งทำให้การทำงานล่าช้าและอาจเป็นช่องโหว่ของการแสวงหาผลประโยชน์ได้