- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 30 December 2014 13:41
- Hits: 2358
PTT คาดสรุปแผนลงทุนโครงการโรงกลั่น-ปิโตรเคมีเวียดนามในครึ่งหลังปี 58 ระบุยังไม่ได้รวมในงบลงทุน 5 ปี
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คาดว่าจะได้ข้อสรุปโครงการโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีในเวียดนาม ในช่วงครึ่งหลังปี 58 โดยจะดึงบริษัทในกลุ่ม ปตท.เข้ามาร่วมลงทุนโครงการนี้ด้วย ได้แก่ บมจ.ไทยออยล์(TOP)เพื่อช่วยพัฒนาในด้านโรงกลั่น เป็นต้น โดยจะมีการหารือกันภายในกลุ่ม ปตท.ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้รวมโครงการดังกล่าวเข้าไปในงบลงทุน 5 ปี(ปี 58-62) แม้ว่ารัฐบาลเวียดนามจะอนุมัติโครงการในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังต้องทำการยืนยันกับผู้ร่วมทุน ได้แก่ ซาอุดิอารัมโก ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 40%, PTT 40% และพันธมิตรเวียดนามอีก 20% นอกจากนั้น จะต้องประเมินมูลค่าเงินลงทุนอีกครั้ง ซึ่งเดิมตั้งงบไว้ 2.2 หมื่นล้านเหรียสหรัฐ หรือประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนขณะนี้เจรจากับสถาบันการเงินไว้แล้ว
ส่วนสาเหตุที่ PTT ตัดสินใจยกเลิกการร่วมทุนในโครงการ FLNG ของบริษัท PTT FLNG Limited(PTT FLNG) ระหว่าง PTT และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) หลังจากร่วมศึกษากนมาระยะหนึ่งพบว่าโครงการ FLNG เป็นการลงทุนธุรกิจปลายน้ำ(upstream) จึงสมควรให้ PTTEP เป็นผู้ดำเนินการเอง ขณะที่ PTT จะเป็นผู้รับซื้อก๊าซ ดังนั้น PTT จึงถอนตัวออกมา ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบศึกษาโครงการเท่านั้นยังไม่มีการตั้งงบลงทุนแต่อย่างใด
นายวิรัตน์ กล่าวถึงแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 58-62)ของ ปตท.วงเงินรวม 326,551 ล้านบาทว่า งบลงทุนส่วนใหญ่ประมาณกว่า 60% จะลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เป็นในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ท่อก๊าซเส้นที่ 4 เป็นการลงทุนต่อเนื่องและจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/58, ท่อก๊าซเส้นที่ 5, การลงทุนคลัง LNG ของโครงการที่ 1 เฟสที่ 2 ที่จะแล้วเสร็จในปี 60 รองรับได้เพิ่มเป็น 10 ล้านตัน/ปี จากเฟสแรกรับได้ 5 ล้านตัน/ปี รวมทั้งจะลงทุนคลัง LNG โครงการที่ 2 ที่กำลังมองหาสถานที่เหมาะสมใกล้ท่าเรือ คาดว่าจะสรุปได้ภายในปี 58
นอกจากนี้ PTT จะรุกขยายการลงทุนในต่างประเทศทั้งธุรกิจถ่านหินและธุรกิจโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ การลงทุนจะสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย(PDP 2015) ที่มีสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินมากขึ้น ขณะที่ความต้องการของก๊าซอาจจะลดลงจากเดิม
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงในขณะนี้ ไม่ได้มีผลต่อการลงทุนของ PTT เพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวกลับขึ้นมาเหมือนสถานการณ์ในปี 51 ที่เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงแรงไปต่ำสุดที่ 39 ดอลลาร์/บาร์เรลจากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 140 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในเวลา 6 เดือน จากนั้นค่อยฟื้นตัวขึ้นมากว่า 100 เหรียญ/บาร์เรลในเวลา 2 ปีครึ่ง