- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 16 December 2014 11:14
- Hits: 2712
‘ก.พลังงาน’ชงนายกฯอนุมัติแผนผลิตไฟฟ้า 2015 รื้อใหญ่โครงสร้างราคาน้ำมัน
แนวหน้า : 'ณรงค์ชัย'ลุ้นนายกฯปรับโครงสร้างราคาพลังงาน หลังราคาน้ำมันลดต่อเนื่อง สบช่องให้ขึ้นภาษีดีเซล พร้อมชงแผนผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ “พีดีพี 2015”
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธ.ค. 2557 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอให้ที่ประชุม กพช. พิจารณา ประกอบด้วยกรอบและแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558–2579 (พีดีพี 2015) เพื่อให้การวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศสอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยหลักการในการจัดทำแผนจะคำนึงถึง ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ข้อจำกัดของระบบส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับการรับซื้อไฟฟ้าให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงาน การกระจายเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสม ลดสัดส่วนการพึ่งพิงเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่ง และคำนึงถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้า การกำหนดกำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง(Reserve Margin) 15% ของปริมาณการผลิตที่พึ่งได้ ส่งเสริมให้ภาคประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมต่อการจัดทำแผน และ กำหนดเป้าหมายลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ประมาณ 20%
สำหรับ แนวทางการจัดทำแผนพีดีพี ก็จะประกอบไปด้วยแผนเน้นการประหยัดพลังงาน และส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และภาคเกษตรกรรม การจัดทำค่าพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ให้สอดคล้องกับการคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างอันจะส่งผลต่อการใช้พลังงานให้สอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ซึ่งมีเป้าหมายการลดใช้พลังงานไฟฟ้าลง 20% และลดการใช้เชื้อเพลิงลง 80% และปรับให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก โดยมีเป้าหมายกำหนดสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า 20% รวมทั้งมีการวางแผนระบบส่งและระบบจำหน่ายเพื่อรองรับการส่งเสริมพลังงานทดแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กพช. นอกจากกระทรวงพลังงาน จะนำเสนอกรอบและแนวทางการจัดทำแผนพีดีพี 2015 แล้ว จะเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันด้วย โดยจะเสนอให้มีการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ของกลุ่มเบนซินและดีเซลให้ใกล้เคียงกัน โดยดีเซลจะเสนอให้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 0.75 บาทต่อลิตร เป็น 4 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95 แก๊สโซฮอล์ 91 จะเสนอให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตลง จาก 5.04 บาทต่อลิตร เหลือ 3.60 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์อี 20 ปรับลดภาษีจาก 4.48 บาทต่อลิตร เหลือ 3.20 บาทต่อลิตร โดยโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่แก๊สโซฮอล์ 95จะมีอัตราที่สูงกว่าน้ำมันดีเซล 3-4 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จะสูงกว่า แก๊สโซฮอล์ 91 ประมาณ 1-2 บาทต่อลิตร และราคาปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 สูงกว่า แก๊สโซฮอล์อี 20 ประมาณ 3-4 บาท และราคาปลีกแก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าเบนซินประมาณ 3-5 บาทต่อลิตร
“หากกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมัน ในลักษณะดังกล่าวได้สำเร็จ ก็จะทำให้สัดส่วนการใช้น้ำมันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนให้เพิ่มมากขึ้น” รายงานระบุ
ส่วนแผนพีดีพี จะมีการพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศสอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทุกประเภท ที่จะถูกบรรจุอยู่ในแผนพีดีพีดังกล่าว จากเดิมได้กำหนดว่าเมื่อสิ้นสุดอายุของแผนในปี 2579 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอยู่ที่ 20,000 เมกะวัตต์ แต่ในแผนพีดีพีที่จะปรับปรุงใหม่หลังการอนุมัติของกพช.ในครั้งนี้ จะมีปริมาณเหลือเพียงประมาณ 17,500เมกะวัตต์ ซึ่งจะอยู่ในความรับผิดชอบของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.)
สำหรับ กำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวจะมาจากการผลิตไฟฟ้าจากขยะ 500 เมกะวัตต์ และล่าสุดพพ.ได้ร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษและกรมพลังงานทหาร จัดทำพื้นที่สาธิตสำหรับการติดตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะในพื้นที่ของทหาร ใน 15 พื้นที่จาก15 จังหวัด อาทิ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นพื้นที่นำร่องในการสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งการตั้งโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ทหาร มีข้อดีคือ สามารถตั้งโรงไฟฟ้าได้ทันทีเพราะพื้นที่ทหารไม่มีปัญหาเรื่องผังเมือง และลดปัญหาการต่อต้านจากประชาชน นอกจากนี้ยังจะมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล 5,500 เมกะวัตต์ แก๊สชีวภาพ (น้ำเสีย)600 เมกะวัตต์ พืชพลังงาน(หญ้าเนเปียร์)1,500 เมกะวัตต์ พลังงานน้ำ 377 เมกะวัตต์ จากเดิมที่บรรจุไว้ในแผนที่ 400 เมกะวัตต์ พลังงานลม 3,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 3,500 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์ม 6,000 เมกะวัตต์ จากเดิม 3,800 เมกะวัตต์ เป็นต้น