- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 16 December 2014 10:48
- Hits: 2071
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (15 – 19 ธ.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง จากผลกระทบที่โอเปกตัดสินใจคงกำลังการผลิตในการประชุมเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด รวมถึงตลาดยังคงเฝ้าจับตาเหตุการณ์สำคัญๆ ที่จะเกิดขึ้น อาทิ การประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีมาตรการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ และผลการเลือกตั้งครั้งใหม่และทิศทางการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะเศรษฐกิจหดตัวของญี่ปุ่น ตลอดจนความเป็นไปได้ของการประชุมแบบเร่งด่วนของกลุ่มโอเปกที่จะจัดขึ้นก่อนการประชุมโอเปกครั้งถัดไปในเดือน มิ.ย. 58 เพื่อหารือถึงมาตรการพยุงราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี อุปสงค์หน้าหนาวอาจยังคงเป็นปัจจัยที่มีส่วนหนุนราคาน้ำมันในช่วงนี้
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
จับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดครั้งต่อไป ในวันที่ 16-17 ธ.ค. 57 นี้ ว่าจะมีการออกมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาจส่งผลกดดันราคาน้ำมันดิบได้ เนื่องจากนักลงทุนจะเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปฝากเงินมากขึ้น
จับตาผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ของประเทศญี่ปุ่นที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 57 หลังนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในทิศทางใด รวมถึงตลาดยังคงติดตามการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืดของญี่ปุ่น หลังจากที่สภาวะเศษฐกิจของประเทศซบเซาและชะลอตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 โดยจีดีพีในไตรมาสที่ 3 ติดลบ 0.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ติดตามการประชุมแบบเร่งด่วนของกลุ่มโอเปกว่าจะมีขึ้นเมื่อใด หลังจากประเทศเวเนซุเอลาและไนจีเรีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอยู่ในระดับต่ำ โดยทั้งสองประเทศได้มีการหารือว่าจะสามารถจัดการประชุมแบบเร่งด่วนขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมโอเปกครั้งถัดไปในเดือน มิ.ย. 58 หรือไม่ เพื่อปรึกษาถึงมาตรการที่จะพยุงราคาน้ำมันดิบไม่ให้ลดลงต่ำไปมากกว่านี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเฟด ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดขายร้านค้าสาขายอดการขอสร้างบ้านใหม่ ดัชนีการผลิต และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตัวเลขดุลการค้าและอัตราเงินเฟ้อยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาบ้านจีน
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 – 12 ธ.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงต่อเนื่อง 8.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 57.81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงราว 7.22 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 61.85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด ประกอบกับอุปสงค์ที่เบาบางในสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการที่โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบของกลุ่มในปี 58 ด้วย ประกอบกับสำนักงานพลังงานสากลก็ออกมาปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกปีหน้าลงเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้บริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ตัดสินใจปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มาอยู่ที่ 70 และ 88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับปี 58 และ 59 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดุลการค้าจีนที่ออกมาดีเกินคาดเป็นปัจจัยที่พยุงราคาน้ำมันดิบได้บ้าง