- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 10 December 2014 09:55
- Hits: 3286
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปประจำสัปดาห์ที่ 1-5 ธ.ค. 57 และแนวโน้มสัปดาห์ที่ 8-12 ธ.ค. 57
สัปดาห์ ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 5.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 70.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ลดลง 6.36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 67.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 5.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 67.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ลดลง 9.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 79.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลลดลง 6.98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบได้แก่ :
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
· เขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน (KRG) และรัฐบาลแบกแดดสามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณและรายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบ โดยเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานมีแผนที่จะส่งออกน้ำมันดิบปริมาณรวม 550,000 บาร์เรลต่อวัน ผ่านประเทศตุรกี
· Exxon Mobil เปิดเผยว่าโครงการผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ ของบริษัท สามารถปรับให้ดำเนินการต่อไปได้โดยคุ้มค่าทางการเงินด้วยราคาน้ำมันดิบในช่วง 40-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้วางแผนรองรับสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนหน้าการลงทุนแล้ว ขณะที่ FED ชี้ว่าการผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯยังคงตัวอยู่ในระดับสูง
· ผลสำรวจจากบริษัทน้ำมันในกลุ่มประเทศ OPEC เผยตัวเลขปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศสมาชิก เดือน พ.ย. 57 ลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าจาก 30.64 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 30.30 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากปริมาณอุปทานที่ลดลงจากลิเบียและแองโกลา อย่างไรก็ตามยังสูงกว่าเพดานการผลิตที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน
· บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moodys’ Investors Services ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของญี่ปุ่นลดลง 1 ขั้นจากระดับ Aa3 มาอยู่ที่ระดับ A1
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
· บริษัทข้อมูล DrillingInfo เผยจำนวนการขอใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมันในชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. 57 ลดลง 15% นอกจากนั้นนาย Harold Hamm ผู้ริเริ่มการขุดเจาะ Shale Oil ในสหรัฐฯ เผยว่าผู้ผลิตหลายรายอาจชะลอการขุดเจาะ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ
· EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย. 57 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน
3.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 379.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น และอัตราการกลั่นเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.9% มาอยู่ที่ 93.4%
แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 65.70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ. วันที่ 8 ธ.ค. 57 ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2552 หลังซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาขายอย่างเป็นทางการ (OSP) ในเดือน ม.ค. 58 แก่ผู้ซื้อแบบ Term ในสหรัฐฯ และเอเซีย อนึ่งสำหรับผู้ซื้อในสหรัฐฯ จะเป็นการปรับลดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และสำหรับผู้ซื้อในเอเซียจะเป็นราคาต่ำสุดตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งเป็นสัญญาณว่ากลุ่ม OPEC ได้เข้าสู่สงครามราคา (Price Wars) กับผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่ม Non-OPEC หรือสหรัฐฯ นั่นเอง ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำส่งผลกระทบแก่กลุ่ม OPEC เช่นเดียวกัน โดยนาย Hassan Rouhani ประธานาธิบดีของอิหร่าน เผยว่าราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี จะส่งแรงกดดันระยะสั้นแก่งบประมาณของรัฐบาลในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ตามบริษัท Sonatrach จากอัลจีเรีย รายงานจะยังคงเดินหน้าโครงการอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซในกลุ่มประเทศแอฟริกาเหนือ มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งโครงการนี้ได้ถูกออกแบบไว้สำหรับระดับราคาน้ำมันดิบ 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 57 แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarms Payroll) ซึ่งอยู่ที่ 321,000 อัตรา สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์โดย Wall Street ที่ 230,000 อัตราและอัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ซึ่งคงที่ ที่ระดับ 5.8% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งบ่งบอกถึงเสถียรภาพของเศษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก ทางด้านเทคนิค ในสัปดาห์นี้ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ Brent ,WTI และ ดูไบ สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 66-$75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล , 63-72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 65-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลตามลำดับ
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงจากบริษัท Pertamina ของอินโดนีเซียมีแผนเปิดดำเนินการหน่วย RFCC (กำลังการกลั่น 62,000 บาร์เรลต่อวัน) ของโรงกลั่น Cilacap (กำลังการกลั่น 348,000 บาร์เรลต่อวัน) ในเดือน ก.พ. 58 โดยหน่วยดังกล่าวจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเบนซิน เพื่อรองรับความต้องการใช้ภายในประเทศและ Platts รายงานปริมาณการซื้อ gasoline ของอินโดนีเซีย ในเดือน ธ.ค. 57 ลดลงจากเดือนก่อน 2.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 10.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย. 57 เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 208.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม บริษัทน้ำมันแห่งชาติอินเดีย (Indian Oil Corp.) จะเริ่มปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น Greenfield (กำลังการกลั่น 300,000 บาร์เรลต่อวัน) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 58 และ PJK รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซิน เชิงพาณิชย์ในยุโรป บริเวณ ARA ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ย. 57 ลดลง 0.4 จากสัปดาห์ก่อน หรือ 10.4 % อยู่ที่ 3.7 MMB ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ย. 54 ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 75.8-84.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซล ลดลงจาก บริษัทน้ำมันแห่งชาติเกาหลีใต้ Korea National Oil Corp. (KNOC) เผยปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซล ในเดือน ต.ค. 57 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 14.84% มาอยู่ที่ 15.27 ล้านบาร์เรล และ EIA รายงานปริมาณสำรอง Distillates เชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย. 57 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3.1 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 116.2 ล้านบาร์เรล และPJK รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดีเซล เชิงพาณิชย์บริเวณ ARA ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ย. 57 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 500,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 2.5 % อยู่ที่ 19.0 ล้านบาร์เรล โดยเยอรมนีเริ่มชะลอการเก็บสำรอง เนื่องจากภูมิอากาศไม่หนาวเย็นตามคาด อย่างไรก็ตามโรงกลั่นในเอเชียเหนือปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลเพื่อหันไปผลิตน้ำมันอากาศยาน และ Kerosene ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ประกอบกับ Platts รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลเชิงพาณิชย์ของจีนช่วงปลายเดือน ต.ค. 57 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 50.8 ล้านบาร์เรล เพราะอุปสงค์น้ำมันดีเซลของจีนแข็งแกร่งประกอบกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ADNOC ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานโรงกลั่น Yasref (กำลังการกลั่น 400,000 บาร์เรลต่อวัน) ผลิตน้ำมัน diesel ที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดประมาณ 0.5-1.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งยังไม่สามารถผลิตน้ำมันสำหรับการพาณิชย์ได้ สัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 81 -90เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล