WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

มหากิจศิริ’-ซัสโก้-พีที-แนะเก็บภาษีดีเซล บาท/ลิตร 3 กลุ่มทุนชิงหุ้นบางจาก

    แนวหน้า : ประธานบอร์ดปตท. เดินหน้าแก้คำครหาผูกขาดธุรกิจน้ำมัน เดินลดสัดส่วนหุ้นใน บางจาก โรงกลั่นเอสพีอาร์ซี ตามแผน เผยมีหลายกลุ่มทุนสนใจซื้อหุ้นบางจากที่ ปตท.ถืออยู่ 27% ส่วนปัญหาเรื่องเช่าที่ดินของการรถไฟ เรื่องจะเข้าบอร์ดในเดือนนี้ พร้อมทั้งแนะให้รัฐเก็บภาษีน้ำมันดีเซล 4 บาท/ลิตร จะมีเงินเข้ารัฐปีละแสนล้าน

     นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากที่ ปตท.ต้องการลดการถือครองหุ้นทั้ง บมจ.บางจากฯ และโรงกลั่นเอสพีอาร์ซี เพื่อลดข้อครหาของสังคมที่ระบุว่า ปตท.ผูกขาดทางธุรกิจพลังงานนั้นขณะนี้ในส่วนของการแก้ไขร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) เรื่อง สัญญาจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมระหว่างกระทรวงพลังงานกับ SPRC” รออยู่ระหว่างการพิจารณาของ ครม. ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบแล้ว ก็คงจะเริ่มกระจายหุ้นได้คาดอย่างช้าไตรมาส 2 ปี 2558

     ส่วนการจำหน่ายหุ้นในบางจากฯ ที่ ปตท.ถือไว้ประมาณ 27% จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ามีทั้งกลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริ กลุ่มธุรกิจน้ำมันซัสโก้ และกลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง พีที รวมทั้งกลุ่มพนักงานของบางจากฯ สนใจจะซื้อหุ้น โดย ปตท.จะพิจารณาจากราคาตลาดและผลตอบแทนที่ดีที่สุด

    สำหรับ ปัญหาเช่าที่ทำการของ ปตท.ที่เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ผู้บริหารสรุปเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดภายในเดือนพฤศจิกายน เพื่อยุติปัญหาโดยเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัญญาที่ทำไว้ หากยึดข้อสัญญาเปรียบเสมือนกันซื้อขาด เพราะจ่ายค่าตอบแทนที่สูงในอดีต แต่ดูเหมือนอัตราต่ำในปัจจุบัน แต่เพื่อยุติปัญหาอาจจะส่งให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ

   นายปิยสวัสดิ์กล่าวถึงราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็วจากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เหลือประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ว่า เรื่องนี้เห็นชัดว่าเป็นความผันผวนทางธุรกิจปิโตรเลียม ไม่แน่นอน หากขณะนี้ โรงกลั่นฯ ขายน้ำมันตามต้นทุนอย่างที่กลุ่มต่อต้านธุรกิจพลังงานออกมาเรียกร้องราคาน้ำมันขายปลีกจะไม่ลดลง แต่ที่ผ่านมาโรงกลั่นฯ ขายตามกลไกตลาด จึงทำให้ราคาน้ำมันลดลงมาได้

     นายปิยสวัสด์ กล่าวว่า ทั้งโรงกลั่นฯ และผู้ค้าน้ำมันมีความเสี่ยงจากการขาดทุนน้ำมันในสต๊อกที่ปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐและสต๊อกเพื่อการค้า อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท.ได้บริหารความเสี่ยงมีการจัดการซื้อประกันความเสี่ยง จึงสามารถลดผลกระทบได้ส่วนหนึ่ง

     ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ กรรมการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตผู้บริหารบางจากฯ กล่าวว่า ปัจจุบันตนไม่มีหุ้นในบางจากฯ แล้ว แต่เห็นว่าสัดส่วนที่ ปตท.จำหน่ายหุ้นบางจากฯ ออกมามีมูลค่อนข้างสูง การขายหุ้นหากหาพันธมิตรรายใหญ่เข้ามาสามารถทำงานร่วมกับบางจากฯ ได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับบางจากฯ แต่หากบางจากฯ ซื้อเองหรือให้พนักงานร่วมซื้อก็นับว่าจะเป็นภาระสูงมาก

     รายงานข่าวจากบางจากฯ กล่าวว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานบอร์ดบางจากฯ ได้พบพนักงานและเชิญชวนให้ร่วมซื้อหุ้นจาก ปตท. ในสัดส่วน 3% ส่วนที่เหลือประมาณ 24% บางจากฯ อาจตั้งบริษัทใหม่และเชิญชวนพันธมิตร เช่น กลุ่มสหกรณ์ ชุมชนต่างๆ ที่เคยเข้าร่วมซื้อหุ้นบางจากฯ ในอดีตที่มีผลประกอบการย่ำแย่มาร่วมซื้อหุ้นครั้งนี้ ซึ่งภาพรวมอาจต้องซื้อราคาตลาดหรือสูงกว่าและบางจากฯ ต้องจัดหาเงินกู้คาดใช้เงินไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

     ล่าสุดเช้าวันที่ 13 พ.ย. 2557 ราคาหุ้นบางจากฯเคลื่อนไหวที่ประมาณ 35.25 บาท โดยผลประกอบการไตรมาส 3/2557 มีรายได้ 46,835 ล้านบาท EBITDA 1,429 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 410 ล้านบาท และจากราคาน้ำมันดิบลงทำให้ไตรมาสนี้มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 1,408 ล้านบาท ทำให้ค่าการกลั่นรวมปรับลดลง 329 ล้านบาท และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตครบ 3 ระยะ รวม 118 เมกะวัตต์

     นายนายมนูญ ยังได้กล่าวว่า เห็นด้วยกับกระทรวงพลังงานที่จะเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานสะท้อนต้นทุน โดยในส่วนของภาษีน้ำมันแม้จะปรับโครงสร้างเบนซินและดีเซลให้ใกล้เคียงกัน แต่ไม่จำเป็นต้องลดภาษีให้อยู่ในอัตราเดียวกัน หากยังต้องการ

      ส่งเสริมรถดีเซลให้บรรทุกสินค้าต่อไป ภาษีดีเซลอาจอยู่ 4 บาท/ลิตร จากปัจจุบัน 0.75 บาท แต่เบนซินอาจอยู่ประมาณ 5 บาท จากปัจจุบัน 5.60 บาท/ลิตร แล้วปรับลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงมาให้อยู่ในอัตราเหมาะสม

    ส่วนแอลพีจี ควรค่อยๆ ขยับ ซึ่งหากคำนวณต้นทุนทุกภาคส่วนทั้งการนำเข้า ราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ โรงกลั่นฯ และภาษีแล้ว ราคาขายปลีกอาจขยับไปอยู่ที่ประมาณ 27 บาท/กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 22.63 บาท/กก. ส่วนเอ็นจีวี ปตท.ระบุราคาต้นทุน 15-16 บาท/กก. จากราคาขายปลีก 11.50 บาท/กก. ก็คงค่อยขยับเช่นกัน และสิ่งที่ควรพิจารณา คือ การจัดเก็บภาษี

   สรรพสามิตเอ็นจีวี เพราะที่ผ่านมายกเว้นการจัดเก็บ เพราะอุดหนุนในช่วงเริ่มต้น แต่ขณะนี้มีการใช้ถึง 9,000 ตัน/วัน ดังนั้น หากจัดเก็บ 1 บาท/กก. ก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น และสะท้อนหลักภาษีสรรพสามิตที่เชื้อเพลิงก็ควรจะจ่ายภาษีนี้

    ขณะที่นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า หากรัฐจัดเก็บภาษีดีเซล 4 บาทต่อลิตร ก็จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 100,000 ล้านบาทต่อปี และสามารถนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศทั้งสร้างโรงเรียน พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงเช่นนี้รับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะการปรับโครงสร้างจะไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!