WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 

กลุ่มบางจากฯ ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050

          เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับเชิญร่วมเสวนาหัวข้อทิศทางพลังงานไทยสู่เป้าหมายการลด CO2ในการสัมมนาเป้าหมายลด CO2 กับทิศทางพลังงานไทย” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ผ่านระบบออนไลน์ โดยเปิดเผยว่ากลุ่มบางจากฯ ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และมีเป้าหมายแรกคือคาร์บอนเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ในปี 2030

 

8994 BCP

          ธุรกิจของกลุ่มบางจากฯ คิดเป็น 1% ของ GDP ของประเทศไทย แต่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.2% 

          นายชัยวัฒน์ได้กล่าวถึงทิศทางของอุตสาหกรรมน้ำมันของโลกว่าจะมีประมาณการจุดสูงสุดของความต้องการน้ำมันโลก (peak oil demand) ในเวลาอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ดังนั้นองค์กรที่อยู่ในธุรกิจนี้จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างแน่นอน

          สำหรับภาพรวมของโลกในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) นั้น อยู่ที่มากกว่า 45,000 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยปล่อยที่ประมาณ 0.9-1.0% ของโลก (ประมาณ 400 ล้านตัน/ปี) ซึ่งเมื่อพิจารณาว่า GDP ของไทยคิดเป็น 0.5% ของ GDP โลก แสดงว่าประเทศไทยมีการปล่อยเกินไปเป็นเท่าตัว ดังนั้นไทยควรเร่งและกระตุ้นการลดการปล่อย GHG ในส่วนของธุรกิจของกลุ่มบางจากฯ คิดเป็นประมาณ 1% ของ GDP ของประเทศไทย ขณะที่ปล่อย GHG ประมาณ 0.2% ของปริมาณที่ประเทศไทยปล่อยเท่านั้น

 

          ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลงทุนในธุรกิจสีเขียวและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

          กลุ่มบางจากฯ ได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 โดยมีเป้าหมายสำคัญเป้าหมายแรกคือคาร์บอนเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ในปี 2030 ซึ่งขณะนี้การบริหารธุรกิจต่างๆ ได้มุ่งหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ ในกระบวนการผลิตและใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้การปล่อย emission ลดลงได้ 20% ในปี 2024 และไปได้ถึง 30% ในปี 2030 ในขณะที่อีก 70% ต้องมีกลไกอื่นที่จะมาช่วย เช่นการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียวและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

 

          ธุรกิจเติบโตแต่การปล่อยคาร์บอนลดลง ด้วยการเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจสีเขียว

          ในช่วงเริ่มต้น ธุรกิจหลักๆ ของกลุ่มบางจากฯ คือโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน และได้ปรับเปลี่ยนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะธุรกิจสีเขียว ได้แก่ โรงไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจชีวภาพ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติต้นน้ำ ซึ่งระหว่างปี 2014-2019 บางจากฯ มี EBITDA เพิ่มขึ้น 50% แต่ emission เพิ่มขึ้นไม่ถึง 20% เป็นผลจากการควบคุม emission ของกลุ่มบางจากฯ ส่วนในอีก 7-8 ปีข้างหน้า วางแผนขยายธุรกิจโดยจะมี EBITDA เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แต่ให้มีการทยอยการลดการปล่อย CO2 จนเป็นศูนย์ในปี 2030 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญและท้าทาย

 

          นวัตกรรมสีเขียวช่วยลดการปล่อย emission ในทุกธุรกิจ

          ธุรกิจโรงกลั่นมีการปรับเป็น niche products refinery โดยในอนาคต 30% ของผลิตภัณฑ์ที่มาจากโรงกลั่น จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน เพื่อลดการปล่อย emission ใน scope 3 (การปล่อยจากผู้ที่นำผลิตภัณฑ์ไปใช้) ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานและเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดเพื่อลดการปล่อยใน scope 1 (การปล่อยโดยตรงจากกระบวนการผลิต) และ 2 (การปล่อยทางอ้อมจากพลังงานที่ใช้ในการผลิต)

          ในธุรกิจการตลาด สถานีบริการน้ำมัน greenovative destination มีการเพิ่มประสิทธิภาพ (efficiency improvement) ต่างๆ เช่น ติดตั้งหลังคาโซลาร์ นำน้ำจากหลังคามารดน้ำต้นไม้ และติดตั้ง EV Charger 

          ธุรกิจโรงงานไฟฟ้าพลังงานสีเขียว บีซีพีจีฯ เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าแห่งเดียวในประเทศไทยที่ทุกอิเล็กตรอนที่ผลิตออกมาเป็นอิเล็กตรอนสีเขียวคือมาจากพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น และวันนี้กำลังเข้าสู่ธุรกิจการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage)

          ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพของบีบีจีไอฯ ใช้นวัตกรรม synthetic biology ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากพืชแทนสัตว์ เช่น เนื้อจากพืช เสื้อผ้า เครื่องสำอาง โดยไม่ต้องทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ซึ่งจะช่วยลดการปล่อย emission โดยเฉพาะก๊าซมีเทนได้ และกำลังก่อตั้ง Syn Bio Consortium ร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อสร้างเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดธุรกิจ bio-based ต่างๆ

          ธุรกิจใหม่ๆ มีการลงทุนในธุรกิจที่เป็น frontier ธุรกิจที่จะเปลี่ยนโลก ล่าสุดคือธุรกิจไฮโดรเจน

 

8994 BCP2

 

          สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดผ่าน Carbon Markets Club

          บางจากฯ และพันธมิตรรวม 11 บริษัท ได้ร่วมกันตั้ง Carbon Markets Club สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะช่วยทำให้มีการจัดสรรทรัพยากรโดยภาคเอกชนกันเอง โดยธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ปล่อย emission มาก จะนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อเป็นการชดเชย และนำเงินส่วนนั้นมาพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดโดยไม่ต้องพึ่งเงินอุดหนุนจากภาครัฐ เป็นกลไกที่จะมาช่วยปิดช่องว่างในช่วง 5-10 ปีนี้ ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาด เพื่อให้ธุรกิจด้านพลังงานสะอาดสามารถพัฒนาได้

          Carbon Markets Club วางแผนให้มีการซื้อขายกันทุกๆ ไตรมาส และยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้งประเภทองค์กรและประเภทบุคคล โดยสามารถติดต่อได้ที่ [email protected] หรือ [email protected]

 

A8994

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!