- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 20 October 2014 21:50
- Hits: 2662
น้ำมัน'ขาลง'ปตท.ได้ทีจี้รัฐปรับโครงสร้างพลังงาน ก.ทรุดฉุดยอดใช้ก๊าซวูบ
แนวหน้า : ยอดใช้ก๊าซ LPG ทั้งในภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรมลดลง ขณะที่ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ชี้เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว ด้านผู้บริหาร ปตท. ฟันธงแนวโน้มราคาน้ำมันปลายปีนี้ยังลดอีก แนะรัฐบาลใช้โอกาสช่วงนี้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ย้ำห้าม“ประชานิยม” อีก
มีรายงานข่าวจาก กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน แจ้งสถานการณ์การใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) 8 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ส.ค.2557) ว่า มียอดใช้รวม 19.75 ล้านกก.ต่อวัน(รวมโปรเพน บิวเทน) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการใช้อยู่ที่ 20 ล้านกก.ต่อวัน โดยแยกเป็นภาคครัวเรือน อยู่ที่ 5.83 ล้านกก.ต่อวัน ลดลงประมาณ 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีการใช้อยู่ที่ 6.76 ล้านกก.ต่อวัน
ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1.562 กก.ต่อวันลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 1.64 ล้านกก.ต่อวัน ส่วน แอลพีจีภาคขนส่งอยู่ที่ 5.60 ล้านกก.ต่อวันเพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 5.12 ล้านกก.ต่อวัน,แอลพีจีภาคปิโตรเคมี 6.75 ล้านกก.ต่อวันปรับขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดใช้ 6.46 ล้านกก.ต่อวัน
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)ภาคครัวเรือนขณะนี้ภาพรวมยังคงลดลงประมาณ 13-14% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมาจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับธุรกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ที่รัฐบาลอนุโลมให้ใช้ แอลพีจีในราคาครัวเรือนได้ไม่เกิน 1,000กิโลกรัม(กก.) ซึ่งพบว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้ เอสเอ็มอี ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ลดลงจึงกระทบต่อการใช้แอลพีจีลดตามไปด้วย
“เศรษฐกิจชะลอทำให้การใช้ลดตามไปด้วย โดยครัวเรือนที่ขยายก็จะต้องใช้มากแต่ขณะนี้การขยายตัวของที่อยู่อาศัยเป็นแนวสูงคือประเภทคอนโดมิเนียมจำนวนมากส่วนนี้ก็มีผลให้การใช้แอลพีจีลดลงไปด้วย เชื่อว่าปี 2558 เศรษฐกิจดีขึ้นก็จะทำให้การใช้แอลพีจีกลับมาขยายตัวตามปกติประมาณ 5-10% ส่วนการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งยังคงเพิ่มขึ้นเพราะแม้ว่ารัฐจะทยอยปรับราคาเพิ่มเพื่อให้เท่ากับครัวเรือนแต่ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมัน“นายชิษณุพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีทั้งระบบเพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือน และขนส่งต้องปรับขึ้นอีกนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการแต่ควรคงมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยไว้เช่นเดิมซึ่งปัจจุบันมาตรการดังกล่าวเริ่มมีผู้มาใช้สิทธิมากขึ้นโดยเฉพาะร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร
ด้าน นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ยังมีความผันผวนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในตลาดโลก เช่น สหรัฐ และรัสเซีย เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และอาจเข้ามาทดแทนกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายเดิม เช่น โอเปกที่อาจถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาด ปัจจุบันกลุ่มโอเปกมีสัดส่วนการผลิตน้ำมันอยู่เพียงร้อยละ 30 ของปริมาณการผลิตน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ปริมาณการผลิตจากผู้ค้ารายใหม่มีส่วนแบ่งตลาดกว่าร้อยละ 60 แต่ส่วนตัวไม่อยากให้ราคาน้ำมันนิ่งเกินไป เพราะจะกระทบราคากลุ่มพลังงานทางเลือกที่จะแข่งขันกับฟอสซิลได้ลำบาก
“เชื่อว่าโอกาสที่ราคาน้ำมันหลังจากนี้จะอยู่ในระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลต่อไปจนถึงปีหน้าโดยขณะนี้ทางกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียไม่ได้ขัดข้องหากราคาอยู่ในเกณฑ์นี้ จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมัน เช่น สายการบิน ปูนซีเมนต์ ในช่วง 2 เดือนนี้ราคาน้ำมันในประเทศมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีก แต่คงจะไม่ปรับลดลงมาก เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว” นายไพรินทร์ กล่าว
นายไพรินทร์ กล่าวว่า ช่วงที่ราคาน้ำมันลดลง สิ่งที่ภาครัฐจะต้องทำ คือการปรับราคาพลังงานทดแทนดังกล่าวสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยจะไม่หันกลับมาใช้โครงการประชานิยมเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพื่อทำให้ราคาพลังงานในไทยทั้งน้ำมันพลังงานทดแทนเป็นไปคามกลไกตลาด เช่น การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล ราคาไม่ควรลดลง แต่หันมาปรับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แก้ปัญหาขาดทุนของกองทุนฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 ต.ค.2557นี้ กระทรวงพลังงาน เตรียมที่จะเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิดต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ขณะที่ กระทรวงคมนาคม ได้สรุปเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ใหม่แล้ว จะให้ปรับขึ้นเฉลี่ย 13% ซึ่งมาจากการคำนวณอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับนโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงานของรัฐบาลที่ผ่านมา
PTT เผยราคาน้ำมันโลกยังผันผวน คาดอยู่ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถึงต้นปี58
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวน เนื่องจากเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในตลาดโลก เช่น สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งอาจเข้ามาทดแทนกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายเดิมอย่างโอเปคจนมีส่วนแบ่งการตลาดได้
โดยคาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจอยู่ในระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปจนถึงปีหน้า(2558) และจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมัน เช่น สายการบิน ปูนซีเมนต์ ทำให้มีต้นทุนการผลิตลดลง ดังนั้นในช่วง 2 เดือนนี้ราคาน้ำมันในประเทศมีโอกาสจะปรับตัวลดลงได้อีก แต่คงจะไม่ปรับลดลงมาก เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงนี้ที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอาจกระทบต่อราคากลุ่มพลังงานทางเลือกได้ พร้อมเสนอแนะให้ภาครัฐควรใช้โอกาสนี้เร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยภาพรวม
อินโฟเควสท์