- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Thursday, 09 January 2020 14:14
- Hits: 2874
สนพ.คาดปีนี้ยอดใช้พลังงานโต 1.8% ยอดใช้ไฟฟ้าโต 2.6% หลังศก.ฟื้นตัว
สนพ.คาดปี 63 ยอดใช้พลังงานโต 1.8% ยอดใช้ไฟฟ้าโต 2.6% หลังรัฐบาลกระตุ้นลงทุนอีอีซี-การท่องเที่ยว ดันศก.ฟื้นตัว จับตาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน หวั่นดันราคาน้ำมันพุ่ง
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานขั้นต้นในปี 63 จะเพิ่มขึ้น 1.80% จากการเพิ่มขึ้นของน้ำมัน ถ่านหิน/ลิกไนต์ พลังงานทดแทน ส่วนไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าพลังงานน้ำของเขื่อนที่สปป.ลาว และก๊าซธรรมชาติ
ขณะที่การใช้พลังงานไฟฟ้าของ ปี 63 เพิ่มขึ้น 2.60% จากปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ เพราะการส่งออกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ มาตรการการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการลงทุนภายใต้โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP)
สำหรับ แนวโน้มการใช้พลังงานปี 63 ซึ่ง สนพ. ได้มีการพยากรณ์โดยอ้างอิงสมมุติฐานด้านเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมันดิบ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง มาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน จากการที่สภาพัฒน์ฯ มองว่าในปี 63 จะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2.70% - 3.70% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งในด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ ของการส่งออก ภายใต้การปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกอีกทั้งการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว
สำหรับ อัตราการแลกเปลี่ยนในปี 63 จะใกล้เคียงกับปีก่อน ที่อยู่ในช่วง 30.5 - 31.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบก่อนเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน สภาพัฒน์ฯ และหลายๆสำนัก มองว่าจะไม่แตกต่างจากราคาน้ำมันดิบในปี62 มากนัก เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศผู้บริโภค เช่น สหรัฐ จีน และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ต้องจับตาสถานการณ์เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.63 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 69.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 6% จากเมื่อวันที่ 2 ม.ค.63 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 65.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ทางสนพ. จะคอยติดตามและประเมินสถานการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลสามารถใช้กลไกเงินจากกองทุนน้ำมันฯ มาช่วยพยุงราคาได้ โดยนโยบายของของกระทรวงพลังงานจะใช้สมมุติฐานของราคาน้ำมันดีเซลเป็นหลัก ซึ่งวางกรอบว่าจะต้องควบคุมให้ราคาน้ำมันดีเซล บี10 ไม่เกิน 30บาทต่อลิตร ซึ่งราคาล่าสุดอยู่ที่ 25.39บาทต่อลิตร โดยหากราคาน้ำดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นเกินราคาที่แท้จริงก็จะต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯเข้ามาอุดหนุน
สำหรับ แผนงานของของ สนพ.ในปี63 คือการปรับแก้ไขแผน PDP 2018 ซึ่งนโยบายหลังคือการเร่งแก้ไขให้เกิดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน และการปรับโครงสร้างการเปิดเสรีแก๊ส โดยคาดจะนำเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ไม่เกินไตรมาส1/63
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web