- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Tuesday, 07 October 2014 19:55
- Hits: 2755
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม เนื่องจากค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนตัวลงและโรงกลั่นน้ำมันในแคนาดาขยายเวลาปิดซ่อมบำรุง
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นการลดลงภายในหนึ่งวันมากที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 57 หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สาเหตุจากมีกระแสจากนักลงทุนทำการคาดการณ์จังหวะเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ย ภายหลังที่มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง
+ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปได้รับแรงหนุนจากการที่โรงกลั่นน้ำมันดิบ Irving St. John ในแคนาดา ต้องขยายจำนวนวันในการปิดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลออกไปจนถึงปลายเดือน พ.ย. ซึ่งโรงกลั่นแห่งนี้มีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 300,000 บาร์เรลต่อวัน และส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตไปทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ
- แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบก็ยังคงถูกกดกันให้ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก เนื่องจากในตลาดยังคงมีอุปทานมากกว่าอุปสงค์น้ำมันดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกำลังการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียที่ปรับเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากโอเปกว่าจะมีการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลจากการประชุมโอเปกในวันที่ 27 พ.ย. นี้ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันดิบแตะระดับ 90 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ตลาดสิงคโปร์ปิดเนื่องในวันหยุด Hari Raya Haji
ราคาน้ำมันดีเซล ตลาดสิงคโปร์ปิดเนื่องในวันหยุด Hari Raya Haji
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 88-94 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 90-96 เหรียญฯ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ซึ่งฮ่องกงเป็นเป็นช่องทางหนึ่งที่จีนใช้เป็นฐานเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ทั้งทางด้านตลาดทุน ตลาดเงินและการขนส่ง เหตุการณ์นี้อาจทำให้เศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาอยู่เลวร้ายไปกว่าเดิม และส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบย่ำแย่ด้วยเช่นกัน
ยังคงต้องจับตามองถึงประสิทธิภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวของอีซีบี ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเงินฝืด และจะทำให้อุปสงค์การใช้น้ำมันในภูมิภาคกลับมาได้หรือไม่
ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ต.ค. ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันที่ 7 ต.ค. และ OPEC ในวันที่ 10 ต.ค. ว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกในปีนี้ลงอีกหรือไม่ หลังหลายฝ่ายยังคงกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวที่ลดลงของผู้บริโภคน้ำมันอันดับสองของโลกอย่างจีน