นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการมอบนโยบายให้กับข้าราชการและหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ว่า นโยบายที่จะเร่งดำเนินการคือทยอยปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนและเกิดความเป็นธรรม รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษีที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตที่ดีเซลจะต้องสูงขึ้นและกลุ่มเบนซินจะต้องลดลง โดยทั้งหมดจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี
“ ดีเซล ก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจีโดยเฉพาะภาคขนส่ง และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี ถูกมาก หลายคนบอกว่าทำไมรัฐไม่ขึ้นแอลพีจีขนส่งไปทีเดียวเลยให้เท่ากับแอลพีจีครัวเรือน อยากให้เข้าใจว่าคนซื้อรถเขาตัดสินใจลงทุนแล้วเปลี่ยนมาใช้เพราะคิดว่าราคาจะถูกอย่างนี้ไปตลอดจึงไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ตอนนี้กำลังให้สัญญาณใหม่เพื่อปรับตัว เราจะค่อยๆ ขยับราคาพลังงานที่ต่ำกว่าเป็นจริงไปเรื่อยๆ ไปสู่ราคาที่ถูกต้อง ดังนั้นราคาเบนซินและแก๊สโซฮอล์อนาคตจะต้องถูกลงและดีเซลจะต้องแพงขึ้น”นายณรงค์ชัยกล่าว
นอกจากนี้จะเน้นการดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน ดังนั้นภายใน 1 ปีจะเร่งดำเนินการตัดสินใจในเรื่องการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ และการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องของการแสวงหาแหล่งพลังงาน อาทิ กรณีแหล่งปิโตรเลียมทับซ้อนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนที่สปป.ลาวเมื่อเร็วๆ นี้ไทยและกัมพูชาได้มีข้อตกลงตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นมาเพื่อที่จะหารือรายละเอียดในการกำหนดความร่วมมือในการพัฒนาโดยเฉพาะการกำหนดความชัดเจนในพื้นที่สัมปทาน
ขณะที่พม่าเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือด้านความมั่นคงที่สำคัญเนื่องจากไทยมีการนำเข้าก๊าซฯจากพม่ามาผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งตลอด 20 ปีมานี้ไทยนำเข้าก๊าซฯจากพม่าแล้วถึง 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยเร็วๆ นี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปยังพม่าระหว่าง 9-10 ตุลาคม เพื่อที่จะตกลงความร่วมมือด้านพลังงานร่วมกับไทยโดยเฉพาะการพัฒนาด้านระบบการค้าขายน้ำมันและไฟฟ้าซึ่งไทยมีกลุ่มบริษัทพลังงานที่เข้มแข็งคือ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)
“ไทยพึ่งพม่ามากไปด้วยซ้ำ หากปิดท่อก๊าซฯเมื่อไหร่เราตายแน่ เขาเองก็ต้องการความร่วมมือกับเราเพราะเรามีกลุ่มพลังงานที่แข็งแรงอย่าง ปตท. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือปตท.สผ. และกฟผ. พม่าเขามีไฟน้อย ดังนั้นอยากให้เราไปช่วยพัฒนาไฟฟ้า และระบบปั๊มน้ำมันไม่ค่อยดีเหมือนเรา ปตท.ก็จะไปดู เรื่องจำหน่ายน้ำมัน ที่สนามบิน ดูเรื่องโรงกลั่นน้ำมัน นายกฯท่านจะไปพูดเรื่องความร่วมมือ ทั้งผลิตก๊าซ ไฟฟ้า ช่วยพัฒนาระบบค้าขายพลังงานในพม่าสำคัญมากเงินเป็นระดับแสนๆล้าน ถือเป็นโอกาสของไทยมากๆ”นายณรงค์ชัยกล่าว
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า อีกเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการคือ จะต้องสร้างโรงไฟ้ฟ้าถ่านหินให้ได้ตามแผนภายในปีงบประมาณ 2558 จะต้องชัดเจนเพราะไทยเองหากต้องการราคาค่าไฟที่ถูกต้องพึ่งถ่านหินเพราะมีค่าไฟถูกสุดรองลงมาจึงเป็นก๊าซธรรมชาติ ขณะที่พลังงานทดแทนไทยเองส่งเสริมแต่ต้องยอมรับว่ามีค่าไฟที่แพง ดังนั้นในเรื่องนี้จะมีการทำควบคู่ไปกับการรณรงค์การลดใช้พลังงานหรือแผนอนุรักษ์พลังงานซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณที่จะดำเนินการในปี 2558 แล้วซึ่งนโยบายนี้จะช่วยลดการใช้ไฟลงมาซึ่งหมายถึงการลดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในที่สุด