- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 03 October 2014 23:05
- Hits: 2644
กฟผ.เดินหน้าเปิดรับฟัง EHIA ครั้งที่ 3 ท่าเทียบเรือ-โรงไฟฟ้าฯกระบี่
แนวหน้า : นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า วันที่ 12 ตุลาคมนี้ กฟผ.จะจัดรับฟังความเห็นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) สำหรับโครงการสร้างท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว และโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด ขนาด 870 เมกะวัตต์จังหวัด กระบี่ ครั้งที่ 3 หรือ ค.3 ซึ่งหลังจากรับฟังเสร็จจะนำมารวบรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่ออนุมัติซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้ คงจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2558 ซึ่งคาดว่า การก่อสร้างจะเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี 2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่กำหนดจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปี 2562
"เราเป็นโครงการของรัฐเมื่อเสนอเข้าไปพิจารณาในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมก็จะใช้เวลา 90 วันหลังจากมีการให้แก้ไขข้อเสนอเมื่อยื่นไปอีกหากเป็นเอกชนจะไม่เกิน 30 วันแต่ของรัฐเองไม่มีกรอบเวลาก็ตอบยากแต่เราก็คาดว่าคงจะไม่เกินกลางปีหน้าระหว่างนี้กฟผ.ก็จะเตรียมร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้างหรือ TOR เพื่อเปิดให้เสนอการก่อสร้าง" นายสหรัฐกล่าว
ส่วนกรณีที่ ตัวแทนชุมชน จ.กระบี่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือถ่านหินกระบี่ และสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้คุ้มครองและระงับโครงการดังกล่าวนั้น ทาง กฟผ.ก็ต้องดูว่าศาลฯ จะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ซึ่งก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม โดย กฟผ.เองก็ยืนยันว่า เทคโนโลยีที่ใช้เป็นของญี่ปุ่นที่ปัจจุบันจัดว่า เป็นเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่ดีที่สุดในโลก
ขณะเดียวกันความกังวลของชาวบ้านเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่จะมีการขนถ่ายถ่านหินก็ยืนยันว่า เป็นการขนถ่านหินในระบบปิด มีการปรับเรือขนถ่ายถ่านหินท้องแบนเป็นขนาดเพียง 1 หมื่นตันวิ่งในน้ำลึกเพียง 3-4 เมตรจากเดิมจะใช้เรือที่สามารถเดินในน้ำลึกได้ถึง 10 เมตร เป็นต้น
นอกจากนี้ กฟผ.ยังเตรียมที่จะจัดเวทีกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพโดยสาธารณะ (ค.1) (Public Scoping) ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 2 ยูนิตยูนิตละ 1,000 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด) และโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา
"การใช้ไฟฟ้าภาคใต้มีการเติบโตทุกปีเฉลี่ย 6% แต่การผลิตน้อยกว่าความต้องการที่ผ่านมาเราจึงต้องส่งไฟจากภาคกลางผ่านระบบส่งไปป้อนให้ ดังนั้นเพื่อความมั่นคงและป้องกันไฟตกดับ เราจึงต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มและการเลือกถ่านหินสะอาดก็เพราะมีค่าไฟฟ้าที่ต่ำหากเทียบกับเชื้อเพลิงอื่นๆ และมีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงที่ถ่านหินมีสำรองมาก" นายสหรัฐกล่าว