- Details
-
Category: พลังงาน
-
Published: Wednesday, 01 October 2014 20:13
-
Hits: 3092
ปตท.พร้อมตรึงราคา LPG ภาคขนส่ง และรับภาระราคา NGV สำหรับรถโดยสารร่วมสาธารณะ ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้บริการ
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กบง.) มีมติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกแอลพีจีภาคขนส่ง 0.62 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมเป็นราคา 22.00 บาทต่อกิโลกรัม และปรับราคาเอ็นจีวี 1 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่ 11.50 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้ราคาพลังงานทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวีสะท้อนต้นทุนมากขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 นั้น ในส่วนของ ปตท. จะยังคงตรึงราคาขายปลีกแอลพีจีภาคขนส่ง หน้าสถานีบริการ ปตท และคงราคาจำหน่ายเอ็นจีวีสำหรับกลุ่มรถโดยสารร่วมสาธารณะ รวมทั้งรถแท็กซี่และรถตุ๊กตุ๊ก ไว้ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ตามกลไกของบัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีและบัตรเติมก๊าซฯ รับสิทธิส่วนลด (บัตรสีเงิน) เพื่อไม่ให้กระทบต้นทุนเชื้อเพลิง บรรเทาภาระและผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ
การปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัมในครั้งนี้ จะช่วยลดภาระขาดทุนเอ็นจีวีของ ปตท. ที่ปัจจุบันราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 16.00 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้ ปตท. เริ่มสามารถขยายการให้บริการกับผู้ใช้รถฯ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ปตท. ได้จัดตั้งสถานีเอ็นจีวีรวม 497 แห่ง ใน 54 จังหวัดทั่วประเทศ มีปริมาณยอดขายก๊าซฯ รวมอยู่ที่ 8,800 ตันต่อวัน โดย 25% ของยอดขายดังกล่าวเป็นของกลุ่มรถโดยสารร่วมสาธารณะ รวมทั้งรถแท็กซี่ และรถตุ๊กตุ๊ก ที่ ปตท. จะยังคงราคาจำหน่ายเอ็นจีวีอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมต่อไป แม้ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ปตท. ต้องรับภาระขาดทุนสะสมเป็นเงิน 104,000 ล้านบาท (สะสมถึงเดือนสิงหาคม 2557) แต่ ปตท. ยังคงเดินหน้าแผนพัฒนาจำนวนสถานีเอ็นจีวีให้ครบตามแผนงานผูกพัน จำนวน 507 แห่ง พร้อมทั้งขยายแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โดยวางระบบท่อฯ ภูมิภาคจาก จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา และ จ.พระนครศรีอยุธยา-จ.นครสวรรค์ รวมทั้งโครงการระบบท่อก๊าซฯ เส้นที่ 4 (จ.ระยอง-จ.สระบุรี) และจัดตั้งสถานีเอ็นจีวีแนวท่อเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้เอ็นจีวีได้รับความสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้ ปตท. และ สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ตกลงร่วมมือแก้ไขปัญหาข้อจำกัดจำนวนสถานีบริการไม่เพียงพอ โดยในเบื้องต้น สมาคมฯ จะจัดตั้งสถานีบริการเอ็นจีวีประเภทแนวท่อ จำนวนทั้งสิ้น 4 สถานี ประกอบด้วย บริเวณถนนมิตรภาพ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 สถานี และบริเวณถนนพหลโยธิน อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำการของสมาคมฯ จำนวน 1 สถานี และบริเวณถนนมิตรภาพ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 2 สถานี (2 ฝั่งของถนน) ซึ่งจะทำให้ก๊าซเอ็นจีวีมีพร้อมและเป็นพลังในการขับเคลื่อนภาคขนส่งของประเทศต่อไป
“ปตท. ยินดีร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในส่วนของผู้ใช้พลังงานและผู้ใช้รถบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมสนับสนุนเอ็นจีวี ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งในอนาคตการขยายสถานีเอ็นจีวีเพื่อบริการทุกท่านจะสามารถทำได้มากขึ้น หากราคาพลังงานอยู่ในระดับที่เหมาะสมและสะท้อนต้นทุนจริง และในครั้งนี้ถึงแม้ราคาเอ็นจีวีจะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐ แต่ก็ยังมีราคาต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นมาก”นายสุรงค์ กล่าวเสริมในตอนท้าย