- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 19 May 2014 23:45
- Hits: 3529
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105-112 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 98-105 เหรียญฯ
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (19 - 23 พ.ค. 57)
ตลาดคาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเหตุความรุนแรงต่อเนื่องในยูเครนตะวันออกและรัสเซียขู่หยุดส่งแก๊สให้ยูเครน ประกอบกับการส่งออกน้ำมันของลิเบียที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่งสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อ หลังโรงกลั่นเตรียมผลิตเพิ่มเพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าร้อนของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่าความคืบหน้าในการยุติมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ จะส่งผลกดดันราคาน้ำมัน
ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ตลาดหวั่นความรุนแรงระหว่างกบฎแบ่งแยกดินแดนกับยูเครนจะยืดเยื้อและลุกลาม สร้างความเสียหายกับโครงสร้างพื้นฐานของการขนส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ขณะที่หลายฝ่ายกังวลถึงปัญหาการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกับหลายประเทศในยุโรป หลังรัสเซียประกาศจะยุติการส่งแก๊สธรรมชาติให้ยูเครนนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. นี้ หากยูเครนไม่ยอมจ่ายค่าแก๊สที่ค้างไว้ราว 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะเจรจากันในวันที่ 19 พ.ค. นี้
การส่งออกน้ำมันของลิเบียยังคงอยู่ในระดับต่ำราว 300,000 บาร์เรลต่อวัน และยังไม่มีความแน่นอนว่าจะส่งออกเพิ่มได้อีกเท่าไร แม้ว่าแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ได้แก่ El Sharara และ El Wafa จะเปิดดำเนินการแล้ว แต่ท่อขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตไปยังท่าเรือบางแห่งยังคงถูกปิดโดยกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่แหล่งผลิต El Feel ก็ถูกผู้ประท้วงกลับมาปิดอีกครั้ง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คุชชิ่ง โอกลาโฮมาคาดว่าจะยังคงลดลงต่อ เนื่องจากโรงกลั่นหลายแห่งที่บริเวณอ่าวเม็กซิโกเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงและเริ่มกลับมาดำเนินผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าร้อนของสหรัฐฯ ที่จะเริ่มขึ้นปลายเดือน พ.ค. นี้ อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง
รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา จับตาท่าทีของนางเจนเนท เยลเลน ต่อมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) หลังตัดสินใจปรับลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเข้าซื้อด้วยวงเงิน 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งยังคาดว่าจะยุติมาตรการดังกล่าวภายในปลายปีนี้ตามกำหนดหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวตามคาด และอาจทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยให้กลับมาสู่ระดับปกติในอีก 1-2 ปีข้างหน้าด้วย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรป ดัชนีภาคบริการเบื้องต้นยุโรป (Markit Flash Service PMI) ดัชนีภาคการผลิตจีนเบื้องต้น (HSBC Flash PMI) ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ เบื้องต้น (Flash PMI) ยอดขายบ้านมือสองและยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 - 16 พ.ค. 57)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปิดที่ 102.02 เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.86 เหรียญฯ ปิดที่ 109.75 เหรียญฯ ส่วนดูไบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 105 เหรียญฯ
ราคาน้ำมันดิบในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในยูเครนกับทหารของรัฐบาลที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้น ขณะที่การส่งออกของลิเบียยังคงไม่แน่นอน ทั้งรายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ค. ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ยังมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2557 ขึ้นจากรายงานฉบับก่อนหน้า โดยมองว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกจะขยายตัว 1.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 92.8 บาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม จีดีพีไตรมาส 1/57 ของสหภาพยุโรปที่มีการขยายตัวเพียง 0.2% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน ความรู้สึกผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ดีนักส่งผลกดดันราคา