- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 22 July 2019 18:54
- Hits: 4425
SPCG จับมือ MUL, PEA ENCOM และ KYOCERA ร่วมเซ็น MOU เดินหน้าพัฒนาธุรกิจโซลาร์รูฟในประเทศไทย
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG , Mr. Koji Nemoto, Managing Executive Officer, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited หรือ MUL, คุณเขมรัตน์ ศาสตร์ปรีชา รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM และ Mr. Masaki Tamagawa, General Manager Sales Division Corporate Solar Energy Group, KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) เพื่อเพิ่มศักยภาพ และโอกาสการลงทุนด้านธุรกิจโซลาร์รูฟในประเทศไทย ณ ห้องลาดพร้าว 1-3 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
ดร.วันดี กล่าวว่า “เนื่องจาก SPCG ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซลาร์ฟาร์ม และ โซลาร์รูฟรายแรกของประเทศไทยและประชาคมอาเซียน ได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอนาคตอันใกล้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) เพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเกิดความเชื่อมั่นและมองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาและขยายฐานธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) จึงได้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้ โดยทุกฝ่ายได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสามารถของแต่ละหน่วยงาน ที่มีความเหมาะสมกับโครงการดังกล่าว ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการร่วมทุนแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture)”
“ส่วนการร่วมมือในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ครั้งนี้ จะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) เป็นหลัก เนื่องจากในแต่ละวันโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้การลดต้นทุนด้านค่าไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรมกลายเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่หลายๆโรงงานกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) นั้น จะเข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือโรงงานอุตสาหกรรมทั้งในเชิงการผลิตและการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้เป็นอย่างมาก สามารถนำพลังงานที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ มาใช้เป็นพลังงานหลักในเวลากลางวันได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น และยังมีส่วนช่วยเหลือในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Co2 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนอีกด้วย จึงเชื่อมั่นว่าระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) นั้นจะได้รับความนิยมแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นต่อไป”
ดร.วันดี ยังกล่าวอีกว่า “การร่วมธุรกิจในครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัท ซึ่งหน้าที่หลักของเราคือการแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า และบริการลูกค้าแบบ one stop service ตั้งแต่เริ่มติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ไปจนถึงการดูแลสนับสนุนลูกค้าภายหลังจากการติดตั้ง รวมไปถึงการให้บริการหลังการขายสำหรับลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำงานและการบำรุงรักษาของระบบพลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด”
Mr.Nemoto กล่าวว่า “MUL เป็นบริษัทการเงินใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญในด้าน สิ่งแวดล้อมและพลังงาน เป็นอันต้นๆ ดำเนินการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นโดยมีขนาดรวมประมาณ 400 เมกะวัตต์”
“จากที่ได้ทำการศึกษาโครงการ บวกกับฐานลูกค้าของเราที่มีอยู่ในประเทศไทย จึงได้ตัดสินร่วมมือกับ SPCG, PEA ENCOM และ KYOCERA โดยได้มองเห็นถึงจุดแข็งของแต่ละบริษัทที่มีในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดพลังงานทดแทนที่เรามีฐานลูกค้าอยู่”
“MUL คิดว่าการรวมความรู้ และความสามารถของทั้ง 4 บริษัท ทำให้เราสามารถให้บริการที่มีคุณภาพและรวดเร็วแก่ลูกค้าได้ และกลายเป็นบริษัทชั้นนำในตลาด PPA ของประเทศไทย ส่วนเป้าหมายเริ่มแรกของเราคือตั้งเป้าการบริการให้ได้จำนวน 100MW ซึ่งบทบาทของเราจะเป็นการช่วยระดมทุนและพัฒนาธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา”
คุณเขมรัตน์ กล่าวว่า “การร่วมพัฒนาธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการนำศักยภาพของทั้ง 4 บริษัทมาพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคา โดย PEA ENCOM มีแผนดำเนินการด้านการลงทุนดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่มีความเชื่อถือในภาพลักษณ์ของ PEA ENCOM ที่เป็นบริษัทในเครือของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในด้านความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานและความปลอดภัยด้านการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคามากกว่า 10 MWp”
“การร่วมพัฒนาธุรกิจในครั้งนี้ ในระยะแรกจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหรือนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งทุกท่านคงทราบดีว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งได้ถูกขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น”
“พันธมิตรของเราล้วนมีความชำนาญที่สามารถเกื้อหนุนกันได้ ทั้ง MUL ซึ่งเป็นสถาบันการเงินอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น และ KYOCERA ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี และอีกหนึ่งพันธมิตรของเรา คือ SPCG ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่มุ่งเน้นด้านการลงทุนระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์รายแรกๆ ของประเทศไทย ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวของนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ในด้านการลงทุนระบบผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคาเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน”
“สุดท้ายนี้ การร่วมพัฒนาธุรกิจของทั้ง 4 บริษัทในครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันและกระตุ้นการส่งเสริมการใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บนหลังคาซึ่งเป็นพลังงานสะอาดในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นและยั่งยืนต่อไป”
Mr.Tamagawa กล่าวว่า “เราจะดำเนินการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่เกินความคาดหวังของลูกค้าและมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและมนุษยชาติ เคียวเซร่าเริ่มธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในปี ค.ศ. 1975 ในฐานะผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เราเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนานวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์มานานกว่า 40 ปี เราได้ทำงานกับ SPCG มาเป็นเวลานานและเราให้บริการลูกค้าจำนวนมากในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาสังคมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและนำเสนอแผงเซลล์แสงอาทิตย์คุณภาพสูงที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การร่วมธุรกิจในครั้งนี้และรักษาไว้ด้วยความน่าเชื่อถือ”
ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในครั้งนี้ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG จะมีหน้าที่ในการให้บริการในลักษณะวิศวกรรม จัดหา และก่อสร้าง (EPC) ดูแลและบำรุงรักษา (O&M) การทำธุรกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมไปถึงการดูแลและการให้บริการหลังการติดตั้ง Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited หรือ MUL จะมีหน้าที่ในการให้คำแนะนำและคำปรึกษา ทั้งด้านการดำเนินงานและการเงิน รวมถึงการให้ข้อมูลต่างๆ จากประสบการณ์ในการทำธุรกรรมซื้อขายไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ในด้านของ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM ที่จะเข้ามามีบทบาทในด้านการสนับสนุนใบอนุญาตและการอนุญาตที่จำเป็นทั้งหมดแก่โครงการดังกล่าว และ KYOCERA ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี จะเข้ามาสนับสนุนในส่วนของแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานระดับโลก
โดยการร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมทุนแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และจัดตั้งบริษัทใหม่ สัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น SPCG Public Company Limited (SPCG) ร้อยละ 35, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited (MUL) ร้อยละ 35, Pea Encom International Co., Ltd. (PEA ENCOM) ร้อยละ 20 และ Kyocera Corporation, Japan (KYOCERA) ร้อยละ 10 ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) จะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมกันภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2562
ดร.วันดี กล่าวด้วยว่า “นโยบายของบริษัทฯ ในการลงทุนโครงการต่างๆ จะมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาวและมีความมั่นคงสูง ซึ่งการลงทุนในประเทศมีปัจจัยสำคัญหลายด้าน ซึ่งบริษัทฯ เลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีและมีความเข้มแข็งเป็นสิ่งสำคัญ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะแสวงหาโอกาสและทางเลือกการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป เพื่อสร้างการเติบโต ขยายฐานธุรกิจและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย ซึ่งการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ยังมีส่วนในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกัน”
MOU Signing ceremony between SPCG, MUL, PEA ENCOM and KYOCERA
Dr.Wandee Khunchornyakong Juljarern, Chairperson and CEO of SPCG Public Company Limited or SPCG, Mr. Koji Nemoto, Managing Executive Officer, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited or MUL, Mr. Khemmarat Sartpreecha, Acting Managing Director, PEA ENCOM INTERNATIONAL CO., LTD. or PEA ENCOM and Mr. Masaki Tamagawa, General Manager, Sales Division Corporate Solar Energy Group, KYOCERA Corporation, Japan KYOCERA attended the MOU signing ceremony in the Cooperation of Solar Roof development to increase the potential and investment opportunities in the Solar Roof business in Thailand. The ceremony was held at Ladprao 1-3 Room, Centara Grand Hotel Central Plaza Ladprao, Bangkok
Dr.Wandee said that because SPCG is the pioneer in Solar Farm and Solar Roof developer in Thailand and ASEAN Community and we has seen the problems of current technology changes that will play a huge role in the near future therefore is the beginning of this project.
By expanding production and using renewable energy in Thailand. This collaboration has great potential because all parties are highly capable in their respective expertise, bring a different skill set and asset to the Joint Venture.
As for the cooperation in the Solar Roof project, the target customers will be industrial sector because they required a lot of energy, especially during the day. Thus reducing the cost of electricity has become a priority factor for every industry. Customers can use the energy produced from the solar roof system to reduce electricity bills as well as contribute to reducing carbon dioxide emission which is the main cause of global warming problems. Therefore we believes that the solar roof power generation system will become more popular in the industry sector.
Dr.Wandee said that this Cooperation is another important step for the company to expand company portfolio. Which our main duty is to seek maximum benefits for customers and become one stop service from the installation of the solar roof power generation system to customer. As well as after installation service including all other services to achieve the highest customer satisfaction. And ensure that the operation and maintenance of the energy system is most effective.
Mr.Nemoto Said MUL are the lease and finance arm of Japan’s largest financial group, Mitsubishi UFJ Group. Having designated “environment and energy” as areas of emphasis, we operate Japan’s largest solar electric power generation capacity, on a total scale of around 400 MW.
When studying the knowledge we cultivated domestically and overseas developments leveraging our overseas client base, we judged that teaming to form an alliance with SPCG, PEAENCOM, and Kyocera, using their respective strengths in Thailand, where the renewable-energy market has growth potential and where we have a client base, would be the best move.
We think that by combining the knowledge, knowhow, and capabilities of the 4 companies, we can provide high-quality and speedy service to clients, and become a leading company in the Thai PPA market. Our initial aim is to be able to provide cumulative service of 100MW. We see our roles as assisting in fund raising and developing business with Japanese companies, which are our strengths.
Mr.Khemmarat said the Cooperation for this project considered the 4 potential companies to develop the Solar Roof projects. PEA ENCOM also plans to implement such investments as well. Which currently has a group of customers who are trusted in the image of PEA ENCOM, a subsidiary of Provincial Electricity Authority in security reliability, standards and safety in the installation of solar roof systems over 10 MWp.
The first phase will focus on customers or investors in the industrial sector from Japan that has established production bases in Thailand. All of you probably know that the economy of Thailand over the past 20 years partly being driven by the economy from investors from Japan.
Our partners are supporting each other, MUL, which are top financial institutions in Japan, KYOCERA, which is a solar panel manufacturer with more than 30 years of experience and SPCG, which is the Pioneer in Solar Farm and Solar Roof developer in Thailand and ASEAN Community.
Finally, Cooperation will be a driving force and stimulate the promotion of the use of solar power systems on the roof, which is clean energy in Thailand to be more sustainable.
Mr.Tamagawa said “As we embrace an ever-changing future, we will continue to provide products and services that exceed our customers’ expectations and contribute to the advancement of society and humankind. Kyocera started solar business in 1975, as a manufacturer of solar modules. We have been a pioneer in developing innovative solar power solutions for over 40 years. We have already worked with SPCG for a long time, and we have served many customers in Thailand already with our solar modules, together with SPCG. We would like to continue to make contribution to a development of the society in Thailand and provide high-quality solar modules which suits the purpose of JV in reliability."
Under the MOU, SPCG Public Company Limited or SPCG will have the duty to provide engineering, procurement and construction services (EPC), operations and maintenance (O&M) as well as other transactions related to the projects including services before and after installation. Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited or MUL will be responsible for providing advice both operational and financial, including providing information based on the experience in the power purchase transaction and the renewable energy business. PEA ENCOM International Limited or PEA ENCOM will play a role in supporting all necessary licenses and permits for such projects and KYOCERA, which will support solar panels or solar cells.
By this joint venture, the shareholding proportion has divided into SPCG Public Company Limited (SPCG) 35%, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited (MUL) 35%, Pea Encom International Co., Ltd. (PEA ENCOM) 20% and Kyocera Corporation, Japan (KYOCERA) 10% and will form up a new company within July 31, 2019 after the MOU signing ceremony.
Dr.Wandee Khunchornyakong Juljarern, Chairperson and CEO of SPCG said that the company policy in investing will focus on long-term investment and sustainable. Because investing in the country has many important factors, so the company always choose a good and strong business partner. The company is determined to seek opportunities and alternative investment options in renewable energy both domestic and international to develop a business growth, expand the business and create additional value for both shareholders and stakeholders. As well as contribute to reducing global warming problems which is the duty of everyone that must cooperate.
Click Donate Support Web