- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Wednesday, 06 March 2019 00:08
- Hits: 5919
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่ม หลังสงครามการค้ามีแนวโน้มคลี่คลาย
+ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะยุติสงครามการค้า (trade war) ซึ่งการประชุมอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 27 มี.ค. โดยสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนปรับกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิทางปัญญาให้เคร่งครัดมากขึ้น และอาจส่งผลให้สหรัฐฯ มีความมั่นใจที่จะมาลงทุนบริษัทเทคโนโลยีในจีนมากขึ้น และสหรัฐฯ ต้องการในจีนซื้อสินค้าทางการเกษตรและสินค้าโรงงานอื่นๆ อาทิ รถ และเคมีภัณฑ์ ให้มากขึ้น
+ รัสเซียวางแผนมี่จะเร่งอัตราการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ โดยในเดือน มี.ค. 62 คาดว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลงราว 228,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับระดับเดือน ต.ค. 61
- โอเปก (OPEC) และประเทศพันธมิตรคาดว่าจะยังไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทิศทางการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมในวันที่ 17-18 เม.ย. ณ กรุงเวียนนา ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด อย่างไรก็ตาม โอเปก (OPEC) และประเทศพันธมิตร จะจัดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 25-26 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าการปรับลดกำลังการผลิตจะขยายเวลาต่อไปหรือไม่
- ลิเบียประกาศยกเลิก force majeure หลุมขุดเจาะ El Sharara ซึ่งเป็นหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. หลังหยุดดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือน ธ.ค. 61 จากการยึดครองของกองกำลังกบฏ โดยกำลังการผลิตจะเริ่มที่ 315,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อนที่จะปรับเพิ่มสู่ระดับปกติ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวขึ้นหลังโรงกลั่นในไต้หวันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเริ่มปิดซ่อมบำรุง ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตน้ำมันเบนซินออกมาน้อยลงใน 2 เดือนข้างหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปทานของน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียจะปรับลดลงในช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 54-59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 63-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดปรับตัวลดลง หลังสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบน้อยลง เนื่องจาก ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลง ประกอบกับ โรงกลั่นในสหรัฐฯ บางส่วนเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันดิบเพื่อไปกลั่นมากขึ้น
จับตาการหารือกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อยุติปัญหาสงครามการค้าในช่วงปลายเดือนมี.ค. 62 หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากผลบังคับใช้เดิมในวันที่ 1 มี.ค. 62 ซึ่งหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยุติลง จะช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมันโลก
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลลิเบียตกลงกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC)ที่จะให้แหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งมีกำลังการผลิต 315,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังถูกปิดตั้งแต่เดือนธ.ค. 61
Click Donate Support Web