- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Monday, 04 March 2019 20:40
- Hits: 5670
ราคาน้ำมันดิบ คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง ท่ามกลางการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 4 มีนาคม 2562
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 54 - 59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63 - 68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (4 – 8 มี.ค. 62)
ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง หลังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันโลกคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจทำให้ปัญหาสงครามการค้ายุติลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 315,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการอีกครั้ง
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หลังตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตในเดือนต.ค. 61 ถึงแม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเริ่มแสดงความกังวลว่าการที่กลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเกินไป โดยซาอุดิอาระเบียวางแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตในเดือนมี.ค. 62 ลงราว 400,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
จับตาการหารือกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อยุติปัญหาสงครามการค้าในช่วงปลายเดือนมี.ค. 62 หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากเดิมที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. 62 เนื่องจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศก่อนหน้านี้มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ ซึ่งถ้าหากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยุติลง จะช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมันโลก
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวลดลง หลังสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบน้อยลง เนื่องจากกลุ่มโอเปกประกาศลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลง ประกอบกับ โรงกลั่นในสหรัฐฯ บางส่วนเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันดิบเพื่อไปกลั่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
กำลังการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลลิเบียตกลงกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ที่จะยกเลิกเหตุสุดวิสัย และกลับมาดำเนินการแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara กำลังการผลิต 315,000 บาร์เรลต่อวันอีกครั้ง หลังถูกปิดตั้งแต่เดือนธ.ค. 61 จากสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ โดยล่าสุดคนงานเริ่มกลับเข้าพื้นที่แหล่งผลิตน้ำมันดิบ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/62 ยูโรโซน ยอดค้าปลีกยูโรโซน อัตราการว่างงานสหรัฐฯ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 ก.พ. - 1 มี.ค. 62)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 55.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 2.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 65.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความระบุว่าราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงเกินไป และเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกผ่อนมาตรการหนุนราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกที่ปรับลดลง จากข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต รวมถึงการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาโดยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
Click Donate Support Web