WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL47ราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อ หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (PDVSA) เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลของเวเนซุเอลาภายใต้การนำของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร โดยการคว่ำบาตรนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน

+ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ม.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 919,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลด 2.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับคาดการณ์

- ตลาดยังคงกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจีนเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 61 อยู่ที่ 6.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนที่ต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี และอัตราการว่างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.9% ในเดือน ธ.ค. 61

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการส่งออกน้ำมันเบนซินจากประเทศอินเดียและญี่ปุ่น ประกอบกับปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลจากประเทศอินเดีย ประกอบกับผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชียสามารถส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังตะวันตกได้ ส่งผลให้อุปทานส่วนเกินในภูมิภาคเอเชียลดลง

ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

                ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

                ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

      อุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังยุโรปเตรียมประกาศใช้ระบบการชำระเงินสำหรับซื้อขายน้ำมันดิบกับอิหร่านผ่านสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบส่งออกจากอิหร่านอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น

      อุปสงค์น้ำมันดิบคาดว่าจะถูกกดดันจากสภาพเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่ค่อนข้างซบเซาและมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง ซึ่งสามารถสะท้อนได้จากจีดีพีของจีนในปี 2561 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 6.6 นับเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดในรอบ 28 ปี ในขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดจีดีพีโลกในปี 2562 จะเติบโตเพียงร้อยละ 3.5 ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ในเดือน ต.ค. 61 ที่ร้อยละ 0.2

      ติดตามสถานการณ์การพิจารณาคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวเนซุเอลา และตลาดน้ำมันดิบโลก เนื่องจาก สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลา

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน'บ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์'  ที่ 'BBB-' แนวโน้ม “Stable”
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในความสามารถในการรับงานก่อสร้างหลากหลายประเภท การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) จำนวนมาก ตลอดจนแนวโน้มในเชิงบวกของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนจากสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอและลักษณะที่เป็นวัฏจักรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อันดับเครดิตยังถูกลดทอนจากการลงทุนในหลาย ๆ โครงการที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งยากต่อการทำให้สถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สถานะทางธุรกิจแข็งแกร่ง
บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม บริษัทเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีรายได้สูงสุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทมีรายได้อยู่ในช่วง 45,000-50,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังได้รับแรงหนุนจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับทั้งในโครงการภาครัฐและเอกชน ประสบการณ์และทรัพยากรที่มีอยู่ช่วยให้บริษัทสามารถรับงานก่อสร้างได้หลายประเภท บริษัทรับงานก่อสร้างทั่วประเทศซึ่งช่วยให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
นอกจากงานก่อสร้างในประเทศแล้ว บริษัทยังหาโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ไปยังต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวช่วยให้บริษัทลดความเสี่ยงจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจากการกระจุกตัวของลูกค้า ทำเลที่ตั้งโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และประเภทงานที่หลากหลาย
Backlog จำนวนมากและมีความหลากหลาย
การคงอันดับเครดิตได้พิจารณาถึงโครงการที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมากและมีความหลากหลายของบริษัท ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 301,534 ล้านบาท โดยมูลค่างานดังกล่าวรวมโครงการสัมปทานก่อสร้างทางรถไฟและท่าเรือน้ำลึกในประเทศโมซัมบิกมูลค่า 113,694 ล้านบาท รวมถึงโครงการสัมปทานทางด่วนในประเทศบังคลาเทศมูลค่า 37,598 ล้านบาท ซึ่งงานก่อสร้างหลักของทั้ง 2 โครงการยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งไม่รวม 2 โครงการดังกล่าวในประมาณการเพื่อเป็นการพิจารณามูลค่างานใน Backlog อย่างระมัดระวัง
หากไม่นับรวมโครงการในประเทศโมซัมบิกและบังคลาเทศแล้ว บริษัทยังมีมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบในปีนี้สูงถึง 150,242 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการขนาดใหญ่ ๆ เช่น โครงการเหมืองหงสาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) มูลค่า 19,018 ล้านบาท และโครงการเหมืองแม่เมาะสัญญา 9 มูลค่า 29,507 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ถึงปี 2572 การที่บริษัทมีมูลค่างานจำนวนมากจะช่วยรักษารายได้ในอนาคตของบริษัทเอาไว้ได้ หากบริษัทสามารถดำเนินงานได้เสร็จตามแผนงาน
ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมายังคงสอดคล้องกับประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง โดยรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เท่ากับ 29,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคและโครงการอุตสาหกรรมในต่างประเทศ รวมถึงโครงการระบบขนส่งมวลชนในประเทศบังคลาเทศด้วย ความสามารถในการทำกำไรยังคงทรงตัว อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 อยู่ที่ 10% ทรงตัวจากปี 2560
ทริสเรทติ้ง ยังคงมองแนวโน้มในเชิงบวกสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศ จากนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจำนวนมากซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นจะช่วยให้บริษัทเติบโตได้เนื่องจากบริษัทมีความพร้อมในการประมูลงาน
ทริสเรทติ้ง มองว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทและโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนอันดับเครดิตในระดับปัจจุบันของบริษัท เราคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้ โดยบริษัทชนะงานประมูลใหม่แล้วมูลค่าประมาณ 38,992 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ขณะที่ในปี 2560 บริษัทชนะงานประมูลใหม่มูลค่าประมาณ 83,219 ล้านบาท ประมาณการรายได้ของบริษัทคาดว่าจะเติบโตจากระดับ 57,000 ล้านบาทภายในปี 2561 เป็น 70,000 ล้านบาทในปี 2564 มูลค่างานในมือจำนวนมากของบริษัทจะช่วยรักษาระดับรายได้ประมาณ 85% ของรายได้ในปี 2561-2562 ประมาณ 70% ในปี 2563 และ 50% ในปี 2564 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรคาดว่าจะอยู่ในระดับเกินกว่า 8.5%
ภาระหนี้ยังคงเพิ่มขึ้น
อันดับเครดิตของบริษัทถูกลดทอนลงจากสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอ โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูงและบริษัทอาจเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างกระแสเงินสดให้เพียงพอกับการชำระหนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่ากลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ภาระหนี้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45,484 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2561 เพิ่มขึ้นจากระดับ 40,390 ล้านบาทในปี 2560 และ 35,151 ล้านบาทในปี 2559 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 72.3% ณ เดือนมิถุนายน 2561 เพิ่มจาก 71.8% ณ สิ้นปี 2560 เราประมาณการว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้น จากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากเพื่อใช้ในการดำเนินงานโครงการก่อสร้าง
จากภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ระดับสูง ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงอย่างมากจากภาระดอกเบี้ยจ่ายมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.6 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ที่ 7.0% ในปี 2560 และลดลงเป็น 6.4% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561
อันดับเครดิตยังถูกลดทอนลงจากภาระหนี้จำนวนมาก ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2561-2564 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง ที่ระดับ 70%-73% อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 2.9 เท่าซึ่งใกล้กับข้อกำหนดในสัญญาของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ให้ไม่เกิน 3.0 เท่า
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการลงทุนในปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 3,200 ล้านบาท และบริษัทจะต้องซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่สำหรับโครงการเหมืองแม่เมาะสัญญา 9 ในช่วงปี 2562 และปี 2563 ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,500-6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2 ปีนี้และจะลดลงเป็นประมาณ  3,800 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งเราคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินคาดว่าจะสูงกว่า 7% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 2 เท่า
โครงการที่ลงทุนยังไม่สร้างรายได้จึงยากต่อการทำให้สถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น
ภาระหนี้จำนวนมากของบริษัทเกิดจากเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จำนวนหลายโครงการที่ยังไม่ประสบความสำเร็จและไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดกลับมาให้บริษัทได้ บริษัทได้ลงทุนระยะยาวใน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการเหมืองแร่โปแตชในประเทศไทย โครงการนิคมอุตสาหกรรมทวายในประเทศเมียนมา โครงการทางด่วนในประเทศบังคลาเทศ โครงการเหมืองแร่ Bauxite และโรงงาน Alumina ใน สปป. ลาว และโครงการสัมปทานก่อสร้างทางรถไฟและท่าเรือน้ำลึกในประเทศโมซัมบิก อย่างไรก็ตาม โครงการเหล่านี้ยังไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้กับบริษัท โดยเฉพาะในโครงการเหมืองแร่โปแตชและนิคมอุตสาหกรรมทวายที่ล่าช้ามาเป็นเวลานาน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้บริษัทลงทุนไปแล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท
ทริสเรทติ้งมองว่าการลงทุนเหล่านั้นจะเป็นภาระให้กับบริษัท อีกทั้งบริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะความเสี่ยงของประเทศที่เข้าไปลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงด้านกฎระเบียบซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อประโยชน์จากการลงทุน บริษัทยังคงต้องแบกรับภาระหนี้ในระดับสูง ในขณะที่บริษัทยังไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะใกล้นี้
ภาระดอกเบี้ยจ่ายอาจสูงกว่ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทได้ หากบริษัทมีอัตรากำไรลดลงหรือขาดทุนในหลาย ๆ โครงการ เช่นเดียวกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างอื่น ๆ บริษัทต้องเผชิญกับวัฏจักรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งในช่วงวัฏจักรขาลงจะส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทอย่างมาก
สภาพคล่องที่ค่อนข้างตึงตัว แต่สามารถบริหารจัดการได้
บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว แต่สามารถบริหารจัดการได้ ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวนประมาณ 23,373 ล้านบาทซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 11,245 ล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 10,829 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 1,300 ล้านบาท ขณะที่แหล่งเงินของบริษัทประกอบด้วยเงินสดจำนวน 3,782 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 6,325 ล้านบาท นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 3,000 ล้านบาทอีกด้วย โดยภาระหนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้าง ซึ่งมีกำหนดชำระคืนตามความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้าง เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถต่อสัญญาการกู้ใหม่ออกไปได้
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถประมูลงานใหม่จำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วยเช่นกัน ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทยังคงรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทให้อยู่สูงกว่า 8.5% ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระแสเงินเพื่อให้เพียงพอกับภาระหนี้ได้ และยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขของการกู้ยืมเงินได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่าภาระหนี้จะสูงขึ้นก็ตาม
 
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
จากสถานะการเงินที่ค่อนข้างอ่อนแอของบริษัททำให้โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้ามีค่อนข้างจำกัด จากภาระหนี้ที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงจากการแข่งขันที่รุนแรงในการประมูลงานใหม่ งานก่อสร้างล่าช้า หรือต้นทุนก่อสร้างเกินงบประมาณ โดยอันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่า 7% หรืออัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินลดลงต่ำกว่า 5% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
ITD226A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ 
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
(loan-to-value: LTV)

 

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90SIAM790x90

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!