- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Friday, 21 December 2018 19:29
- Hits: 3307
ราคาน้ำมันดิบปรับลดสู่ระดับต่ำสุด จากความกังวลปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดหลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดและคาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้พลังงานในอนาคต หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น รวมถึงยังคงนโยบายที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก
- Fatih Birol หัวหน้าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วในระยะสั้น ยกเว้นจะมีเรื่องเกี่ยวกับปัญหาภูมิศาสตร์การเมืองเกิดขึ้น ถึงแม้ว่ากลุ่มโอเปกและรัสเซียได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อปรับลดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลงและดันราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตจนกว่าจะถึงเดือน ม.ค. 62 ขณะที่กำลังการผลิตในปัจจุบันของสหรัฐฯ รัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ได้ปรับตัวสูงขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุด
+/- รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกจะปรับตัวลดลงภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบจะยังคงถูกกดดันจากปัญหาทางการเมืองและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง
- Genscape รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ จุดส่งมอบ คุชชิ่ง โอกลาโฮมา ในสัปดาห์นี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันเบนซินล้นตลาดภายในภูมิภาค รวมถึงปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในช่วง 9 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคลดลง รวมถึงไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในการส่งออกน้ำมันดีเซลจากทวีปเอเชียสู่ยุโรป
ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลง จากแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หลังเศรษฐกิจจีนและยุโรปค่อนข้างซบเซา ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังธนาคารกลาง (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
อุปทานน้ำมันดิบโลกคาดปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก คาดว่าแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของลิเบียจะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง เนื่องจาก นายกรัฐมนตรีลิเบียสามารถตกลงกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธได้สำเร็จ หลังกองกำลังติดอาวุธเข้าบุกยึดแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ส่งผลให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ยกเลิกการส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิต
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังโรงกลั่นดำเนินการด้วยอัตราการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปทานน้ำมันดีเซลและอากาศยานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว
Click Donate Support Web