- Details
- Category: พลังงาน
- Published: Sunday, 18 May 2014 22:51
- Hits: 3707
กรอ.โวยเรกูเลเตอร์ผลักภาระ โยนเอกชนกู้วิกฤติไฟใต้ราชบุรีฯลุ้นประมูลพม่า
ไทยโพสต์ : สุราษฎร์ธานี * กรอ.โวยเรกูเลเตอร์ผลักภาระให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมลดใช้ไฟฟ้ากู้วิกฤติภาคใต้ เผย 250 เมกะวัตต์เกินความสามารถ เตรียมขอพบสัปดาห์หน้าเพื่อหารือแนวทางแก้ไข ด้าน บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ระบุเดือน ส.ค.สรุปผลประมูลโรงไฟฟ้าในพม่าคุยไตรมาสแรกกำไร 2,400 ล้านบาท
นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภาคใต้ 14 จังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาวิกฤติไฟฟ้าภาคใต้ จากกรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ) ปิดซ่อม 28 วัน ระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค.2557 ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจังหวัดภาคใต้ไม่สามารถลดใช้ไฟฟ้าได้ 250 เมกะวัตต์ ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลตอร์ ตั้งเป้าหมายไว้ จะสามารถดำเนินการได้เต็มที่ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์เท่านั้น
ทั้งนี้ การที่เรกูเลเตอร์กำ หนดให้เอกชนภาคอุตสาหกรรม เป็นผู้นำหลักในการลดใช้ไฟฟ้านั้น เป็นการโยนภาระให้กับผู้ประกอบการ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่สามารถจะลดใช้ไฟฟ้าได้ตามที่เรกูเลเตอร์คาดหวังไว้ และสาเหตุที่เรกูเลเตอร์กำหนดให้ภาคเอกชนลดใช้ไฟค่อนข้างสูง นั้นเกิดจากการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาด โดยนำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าเมื่อเดือน มิ.ย.2556 ที่ผ่านมาวิเคราะห์ว่า ภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าเป็นสัดส่วนสูงถึง 85% ขณะที่ภาคครัวเรือนใช้เพียง 15% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในภาคใต้ ซึ่งนับเป็นข้อมูลเก่า และหากจะพิจารณาให้ถูกต้องควรนำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าช่วงพีก (การใช้ไฟฟ้าสูงสุด) ของภาคใต้มาพิจารณาว่ากลุ่มใดใช้ไฟฟ้ามาก
เป้าหมายที่เรกูเลเตอร์ กำหนดภาคอุตสาหกรรมลดใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วยให้โรงแปรรูปไม้ยางพาราและอบไม้, การทำอาหารกระป๋อง, ปูนซีเมนต์, การประมง, กลุ่มโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งโดยรวมเป้าหมายการลดใช้ไฟฟ้าให้ได้ 250 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้ากรมโรงงาน อุตสาหกรรมจะเข้าพบเรกูเลเตอร์เพื่อหารือและสะท้อนปัญหาที่แท้จริง และหาทางแก้ไข ทั้งปัญหาทางด้านไฟฟ้าและปริมาณก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่จะเกิดการขาดแคลนในพื้นที่ภาคใต้ หลังจากที่มีการปิดซ่อมแหล่งเจดีเอ และส่งผลกระทบอย่างสูงต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเช่นกัน" นายณัฐพลกล่าว
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรม การผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) กล่าวว่า ภายในเดือน ส.ค.นี้จะสามารถสรุปผลว่า ทางบริษัทสามารถประ มูลโรงไฟฟ้าที่มัณฑะเลย์ ประ เทศเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ได้หรือไม่ โดยคาดว่าเงินลงทุนกว่า 400 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 12,800 ล้านบาท และทางบริษัทยังมีความสนใจที่จะเข้าประมูลโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาร์อีกไม่น้อยกว่า 2 โครงการ
ทั้งนี้ ในปี 2557 นี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,180 ล้านบาท เนื่องจากปี 2557 นี้บริษัทสามารถลดต้นทุนโรงไฟฟ้าเก่าทุกแห่ง แม้ว่าจะไม่มีกำลังผลิต ใหม่เข้ามาก็ตาม ส่วนในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 12,700.80 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรี 9,226 ล้านบาท โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ 1,422 ล้านบาท โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย 648 ล้านบาท โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ 193 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ 116 ล้านบาท โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำนวน 82 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1 ปี 2557 นั้น มีกำไร 2,364.50 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.63 บาท ส่วนสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค.57 มีจำนวน 98,646 ล้านบาท